ศบค. พบติดโควิดวันนี้ (12 พ.ค.) เพิ่ม 1,983 ราย เสียชีวิตพุ่งพรวด 34 คน

วันที่ 12 พฤษภาคม 2564 - 08:14 น.

ศบค. และ EOC กระทรวงสาธารณสุข รายงานยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่วันนี้ (12 พ.ค.) เพิ่มอีก1,983 ราย เสียชีวิตทำสถิติใหม่นิวไฮ เพิ่ม 34 คน ขณะที่ยังมีผู้ป่วยอาการหนักกว่า 1.2 พันคน ใส่เครื่องช่วยหายใจ 401 ราย หายป่วยกลับบ้าน 2,006 ราย

วันที่ 12 พ.ค. 2564 ศูนย์ข้อมูล COVID-19 ของรัฐบาล และศูนย์ EOC กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) รายงานข้อมูลเบื้องต้นสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ประจำวันว่า วันนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีกพบผู้ติดเชื้อใหม่ 1,983 ราย หายป่วยกลับบ้าน 2,006 ราย ผู้ป่วยสะสม 60,044 ราย เสียชีวิต 34 ราย

รวมยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด 88,907 ราย เสียชีวิตสะสม 486 คน

ทางด้านกรมควบคุมโรครายงานว่า วันนี้มีผู้ป่วยที่ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 29,378 ราย มีอาการหนัก 1,226 ราย และต้องใส่เครื่องช่วยหายใจจำนวน 401 ราย รวมหายป่วยแล้ว 59,043 ราย

วานนี้(11 พ.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุม ครม. โดยย้ำเรื่องการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิดในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะในพื้นที่คลองเตย เนื่องจากเป็นพื้นที่ใจกลางเมือง และกระทบกับชีวิต ความปลอดภัยของพ่อแม่พี่น้องเป็นจำนวนมาก ทั้งในเขตกรุงเทพและปริมณฑล

โดยได้สั่งการเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานได้ระดมสรรพกำลังเข้าป้องกันการลุกลามอย่างเต็มที่ ระดมตรวจเชิงรุกให้ได้มากที่สุดในพื้นที่เป้าหมาย ซึ่งนับตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา ในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล เรามีการตรวจไปแล้วมากกว่า 70,000 ราย ในชุมชนที่มีความเสี่ยง เฉลี่ย 7,000 รายต่อวัน ผลที่ได้คือ สามารถระบุตัวผู้ติดเชื้อ และคัดแยกผู้ติดเชื้อ ไปรักษาได้อย่างทันการณ์

รวมทั้งแยกผู้มีความเสี่ยงจากการอยู่ใกล้ชิดไปกักตัว ลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อต่อ จำกัดวงการแพร่ระบาดให้แคบที่สุด สั้นที่สุด และจะดำเนินการตรวจเชิงรุกในพื้นที่เสี่ยงต่อไปให้มากและเร็วที่สุด

และในขณะเดียวกัน ก็เร่งระดมฉีดวัคซีนให้ประชาชนให้มากที่สุด จนถึงวันนี้ได้มีการฉีดวัคซีนในพื้นที่คลองเตยไปแล้วกว่า 13,000 คน หรือเกือบ 30% ของเป้าหมาย ที่จะฉีดให้ได้อย่างน้อย 5 หมื่นคน และพื้นที่ปทุมวันที่อยู่ใกล้เคียง ได้ฉีดวัคซีนไปแล้วมากกว่า 50% ของเป้าหมาย 14,000 คน

โดยเฉลี่ยแล้วทั้งสองเขตฉีดได้มากกว่าวันละ 2,000 คน โดยผลการดำเนินการจากคลัสเตอร์คลองเตย จะใช้เป็นแนวทางในการจัดการกับการแพร่ระบาดในพื้นที่เขตอื่นๆ ของ กทม.และปริมณฑล รวมทั้งในต่างจังหวัดด้วย

นอกจากนี้ในการประชุมคณะรัฐมนตรี รัฐบาลยังได้เสนอให้เรื่องของวัคซีนโควิด-19 เป็น “วาระแห่งชาติ” ที่เราจะให้ความสำคัญสูงสุดในการดำเนินนโยบายต่างๆอย่างครบวงจร ทั้งการจัดหา การกระจาย ไปจนถึงการฉีดด้วย เพื่อเร่งสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับประเทศไทยของเราให้เร็วที่สุด