ศบค.เตรียมแจงแผนกระจายวัคซีน ย้ำ แอสตร้าเซนเนก้า เป็นหลัก

ศบค เน้นแอสต้า
REUTERS/Carlos Jasso

กระทรวงสาธารณสุข เผย ศบค.เตรียมแจงแผนกระจายวัคซีน ยึดเหตุผล 4 ข้อ ย้ำใช้แอสตร้าเซนเนก้า เป็นหลัก

วันที่ 24 พฤษภาคม 2564 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีแผนการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ซึ่งศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) จะประชุมหารือ การจัดสรรวัคซีนโควิด-19 โดยคำนึงถึง 4 ปัจจัย 1.จำนวนวัคซีนที่มี 2.จำนวนประชากร 3.สถานการณ์การระบาดในปัจจุบัน และ 4.กลุ่มเป้าหมาย เช่น ครู แรงาน ซึ่งการจัดสรรต้องคำนึงถึงสถานการณ์การระบาดเพื่อควบคุมโรค

“แผนการฉีดวัคซีนบุคลลทั่วไป ที่จะเริ่มในเดือน มิถุนายน จะใช้วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเป็นหลัก ตามที่มีวัคซีนเข้ามา ส่วนวัคซีนซิโนแวคเป็นส่วนเสริม ที่เริ่มมีการฉีดตั้งแต่เดือน มีนาคม เป็นต้นมา โดยวัคซีนซิโนแวคที่เข้ามา รวม 6 ล้านโดส และตรวจสอบล็อตการผลิตแล้ว 4 ล้านโดสกระจายฉีดไปแล้ว ไม่อยากให้ประชาชนกังวลเรื่องของวัคซีนตอบสนองกับเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มีกลายพันธุ์ เพราะประสิทธิภาพของวัคซีนยังให้ผลดี ทั้งลดอัตราการเสียชีวิต และความรุนแรงของโรค อย่ากังวลหรือคำนึงเรื่องสายพันธุ์ที่เปลี่ยนไป” นพ.โอภาสกล่าว

สอดคล้องกับที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวก่อนฉีดวัคซีนเข็มที่สองของแอสตร้าเซนเนก้า ว่า ขอให้เชื่อมั่นในประสิทธิภาพของวัคซีนที่เรามีอยู่ทั้งสองยี่ห้อ ได้แก่ ซิโนแวค และแอสตร้าเซนเนก้า แม้กระทั่งยี่ห้ออื่นที่สามารถจัดหาเพิ่มเติมได้ เพราะมีการตรวจสอบอย่างรัดกุม อย่างรอบคอบให้ได้ตามมาตรฐานสาธารณสุขของไทย

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ประเด็นสำคัญวันนี้ คือ การกระจายสถานที่ฉีดวัคซีนไปให้ทั่วถึง ทั้งในส่วนของรัฐ เอกชนและภาคธุรกิจ รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ เช่น แพทย์ และพยาบาล เพราะบางบางแห่งมีมาก มีน้อย และบางแห่งยังไม่มี ซึ่งจะจัดหาเพิ่มเติมให้เท่าที่สามารถทำได้