เช็กมาตรการเข้า-ออก 17 จังหวัด “สีฟ้า” เปิดเมืองรับท่องเที่ยว เฟส 1

เดินทางข้ามจังหวัด 1 พ.ย.

“ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ประกาศเปิดประเทศ 1 พ.ย. นำร่อง 17 จังหวัด “สีฟ้า” เช็กเงื่อนไข-มาตรการเข้า-ออกพื้นที่ สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ

วันที่ 22 ตุลาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม แถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (11 ต.ค.) ถึงการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ โดยไม่ต้องกักตัว มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 เป็นต้นไป

ล่าสุด (21 ต.ค.) ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศรายชื่อจังหวัดที่เป็นพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว (พื้นที่สีฟ้า) ระยะที่ 1 โดยให้มีผลวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 เป็นต้นไป หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง รวมทั้งสิ้น 17 จังหวัด ดังนี้

  1. กรุงเทพมหานคร
  2. สมุทรปราการ (สนามบินสุวรรณภูมิ)
  3. กระบี่ (ทั้งจังหวัด)
  4. พังงา (ทั้งจังหวัด)
  5. ประจวบคีรีขันธ์ (ต.หัวหิน และ ต.หนองแก)
  6. เพชรบุรี (เทศบาลเมืองชะอำ)
  7. ชลบุรี (อ.พัทยา อ.เกาะสีชัง อ.ศรีราชา และ อ.บางละมุง เฉพาะ ต.นาจอมเทียน ต.บางเสร่)
  8. ระนอง (เกาะพยาม)
  9. เชียงใหม่ (อ.เมือง อ.แม่ริม อ.แม่แตง อ.ดอยเต่า)
  10. เลย (อ.เชียงคาน)
  11. บุรีรัมย์ (อ.เมือง)
  12. หนองคาย (อ.เมือง อ.ศรีเชียงใหม่ อ.ท่าบ่อ อ.สังคม)
  13. อุดรธานี (อ.เมือง อ.นายูง อ.หนองหาน อ.ประจักษ์ศิลปาคม อ.กุมภวาปี และ อ.บ้านดุง)
  14. ระยอง (เกาะเสม็ด)
  15. ตราด (เกาะช้าง)
  16. ภูเก็ต
  17. สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า)

ดังนั้น สำหรับผู้ต้องการเดินทางท่องเที่ยว จะปฏิบัติตัวอย่างไร เมื่อเข้าพักใน 17 จังหวัดดังกล่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รวบรวมมาตรการสาธารณสุข 15 จังหวัดข้างต้น ถึงการปฏิบัติตัวในการเดินทางเข้า-ออกพื้นที่ สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย ดังนี้ (ข้อมูล : ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.)

จังหวัดกระบี่

จังหวัดกระบี่ (ข้อมูล ณ 19 ต.ค. 2564) ประกาศให้ผู้ที่เดินทางเข้าจังหวัดกระบี่ต้องปฏิบัติตามมาตรการ ดังนี้

  • ต้องมีเอกสารยืนยันการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ตามที่กระทรวงสาธารณสุขรับรองตามจำนวน หรือฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า อย่างน้อย 1 เข็ม มาไม่น้อยกว่า 14 วัน
  • ต้องมีเอกสารยืนยันผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วย วิธี RT-PCR หรือ ATK ไม่เกิน 7 วัน ก่อนการเดินทาง
  • เด็กอายุไม่เกิน 6 ปี ไม่ต้องมีผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19
  • ต้องลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ QT14 และแอปพลิเคชั่น “หมอชนะ” เพื่อการติดตามตัว และให้มีการรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ด่านตรวจท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่หรือด่านตรวจท่าเรือ หรือกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน หรือเจ้าพนักงานควบคุมโรคในพื้นที่ที่เข้าพำนักหรือโรงแรมที่พำนัก ภายใน 24 ชั่วโมง

มีผล 20 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (ข้อมูล ณ วันที่ 18 ต.ค. 2564) ประกาศให้ผู้ที่เดินทางจาก 23 จังหวัด พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เข้ามาในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ต้องปฏิบัติตามมาตรการ ดังนี้

  • สแกนคิวร์อาร์โค้ด เพื่อรายงานตัว
  • นักท่องเที่ยว แรงงานหรือเดินทางมาทำงาน (แสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนก่อนเข้าทำงาน) และผู้ที่เดินทางกลับภูมิลำเนา ต้องกักตัวที่/โรงแรม เป็นเวลา 14 วัน และปฏิบัติ DMHTT อย่างเคร่งครัด
  • หากมีความเสี่ยงหรือมีอาการอย่างน้อย 1 อย่าง ให้เข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด ที่โรงพยาบาลประจำอำเภอและกักตัวในระหว่างรอผล
  • ผู้ได้รับการยกเว้น ไม่ต้องกักตัว (แต่ยังต้องสแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อรายงานตัว) โดยจะต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้

1. ผู้ป่วยโควิด-19 ที่ได้รับการรักษาหายแล้ว ไม่เกิน 90 วัน และต้องมีหนังสือรับรองการได้รับการรักษา

2. ต้องเป็นผู้ที่ไดัรับวัคซีน ดังต่อไปนี้ เป็นเวลาอย่างน้อย 14 วัน

  • ซิโนแวค 2 เข็ม
  • ซิโนฟาร์ม 2 เข็ม
  • โมเดอร์นา 2 เข็ม
  • ไฟเซอร์ 2 เข็ม
  • สปุตนิก วี 2 เข็ม
  • จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน 1 เข็ม
  • แอสตร้าเซนเนก้า 1 เข็ม
  • ซิโนแวค เข็ม 1 และแอสตร้าเซนเนก้า เข็ม 2

จังหวัดเลย

จังหวัดเลย ประกาศให้ผู้ที่เดินทางเข้าจังหวัดเลยต้องปฏิบัติตามมาตรการ ดังนี้

  • ลงทะเบียนหรือรายงานตัวผ่านคิวอาร์โค้ด และโหลดแอปพลิเคชั่นหมอชนะและไทยชนะ
  • หรือรายงานตัวต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม. และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่

จังหวัดหนองคาย

จังหวัดหนองคาย (ข้อมูล ณ วันที่ 16 ต.ค. 2564) ประกาศให้ผู้ที่เดินทางเข้าจังหวัดหนองคายต้องปฏิบัติตามมาตรการ ดังนี้

  • ต้องเป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครบ 2 เข็ม มาแล้วไม่น้อยกว่า 14 วัน และมีใบรับรองการฉีดวัคซีนฉบับจริงมาแสดงแก่พนักงานเจ้าหน้าที่
  • ต้องมีผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่แสดงว่าไม่พบเชื้อ ด้วยวิธี RT-PCR หรือ Rapid Test ในเวลา 72 ชั่วโมง
  • เฝ้าระวังสังเกตอาการตนเองปฏิบัติตามมาตรการและแนวทางในการป้องกันควบคุมโรคอย่างเข้มงวดและเคร่งครัดอีก เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 14 วัน

มีผล 16 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

จังหวัดอุดรธานี

จังหวัดอุดรธานี (ข้อมูล ณ วันที่ 16 ต.ค. 2564) ประกาศให้ผู้ที่เดินทางเข้าจังหวัดอุดรธานีต้องปฏิบัติตามมาตรการ ดังนี้

  • รายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อาสาสมัครสาธารณสุข หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ที่สถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ (Local Quarantine) ในแต่ละอำเภอ
  • ให้กักตัวที่สถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ เป็นระยะเวลา 14 วัน กรณีเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อและคณะกรรมการในพื้นที่ประเมินที่พักอาศัยและประเมินความรู้ของผู้กักตัวในการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 พบว่า ผ่านเกณฑ์จะอนุญาตให้กักตัวต่อที่บ้านได้ โดยต้องกักตัวให้ครบ 14 วัน

ทั้งนี้ ยกเว้นผู้ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ดังต่อไปนี้

  • ฉีดวัคซีนซิโนแวค ซิโนฟาร์ม ไฟเซอร์ โมเดอร์นา ชนิดใดชนิดหนึ่ง ครบ 2 เข็ม อย่างน้อย 14 วัน ไม่ต้องกักตัว 14 วัน แต่ให้ดำเนินชีวิตตามหลัก DMHTTA
  • ฉีดวัคซีนซิโนแวค เข็มที่ 1 และฉีดแอสตร้าเซนเนก้า เป็นเข็มที่ 2 เป็นเวลาอย่างน้อย 14 วัน ไม่ต้องกักตัว 14 วัน แต่ให้ดำเนินชีวิตตามหลัก DMHTTA
  • ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน สปุตนิก วี ชนิดใดชนิดหนึ่ง อย่างน้อย 1 เข็ม เป็นเวลาอย่างน้อย 14 วัน ไม่ต้องกักตัว 14 วัน แต่ให้ดำเนินชีวิตตามหลัก DMHTTA
  • ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็ม ไม่ต้องกักตัว 14 วัน แต่ให้ดำเนินชีวิตตามหลัก DMHTTA
  • ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เข็มที่ 1 และฉีดไฟเซอร์ เข็มที่ 2 ไม่ต้องกักตัว 14 วัน แต่ให้ดำเนินชีวิตตามหลัก DMHTTA
  • ผู้ต้องขังพ้นโทษจากเรือนจำทั่วราชอาณาจักรที่เป็นผู้ป่วยโควิด-19 รักษาหายแล้ว ไม่เกิน 3 เดือน และได้รับวัคซีนโควิด-19 กระตุ้น 1 เข็ม เป็นเวลาอย่างน้อย 14 วัน ไม่ต้องกักตัว 14 วัน แต่ให้ดำเนินชีวิตตามหลัก DMHTTA

เดินทางมาจาก 23 จังหวัด สีแดงเข้ม 

นอกจากนี้ กรณีผู้ที่เดินทางมาจากจังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด และจังหวัดที่เสี่ยงที่จังหวัดอุดรธานีกำหนดที่เป็นผู้ป่วยโควิด-19 และรักษาหายแล้วไม่เกิน 3 เดือน ไม่ต้องกักตัว 14 วัน ทั้งนี้ ต้องแสดงเอกสารหลักฐานจากโรงพยาบาล/สถานที่บริการที่รักษาให้ชัดเจน

ผู้ที่เดินทางทุกคน ทุกสายการบิน เมื่อมาถึงท่าอากาศยานอุดรธานี ให้แสดงเอกสาร หลักฐานการรับวัคซีนโควิด-19 ต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อตรวจสอบการได้รับวัคซีนโควิด-19 ก่อนออกจากพื้นที่ผู้โดยสารขาเข้า

ผู้เดินทางทุกคนที่เดินทางถึงสถานีขนส่งผู้โดยสารอุดรธานี อุดรธานี แห่งที่ 1 แห่งที่ 2 และสถานีขนส่งผู้โดยสารพันดอน อำเภอกุมภวาปี และสถานีรถไฟ ให้แสดงเอกสาร/หลักฐานการได้รับวัคซีนโควิด-19 ต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อตรวจสอบการได้รับวัคซีนโควิด-19 ก่อนออกจากสถานีขนส่ง หรือสถานีรถไฟ

นอกจากนี้ ให้นายอำเภอโนนสะอาดประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตั้งจุดตรวจความมั่นคงอำเภอโนนสะอาด โดยให้อำเภอโนนสะอาดเป็นผู้ดำเนินการ

มีผล 16 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

อย่างไรก็ตาม ยังเหลืออีก 10 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร จังหวัดระยอง จังหวัดตราด จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดพังงา จังหวัดชลบุรี จังหวัดระนอง จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดตราด และจังหวัดภูเก็ต ที่ยังไม่ประกาศมาตรการการเข้า-ออกพื้นที่ล่าสุด ภายหลังจากที่นายกรัฐมนตรีได้แถลงกำหนดการเปิดประเทศไว้

เงื่อนไขต่างชาติเข้าพื้นที่ 17 จังหวัด

ขณะที่การเดินทางเข้าราชอาณาจักรไทยของนักท่องเที่ยวต่างชาติ แพทย์หญิงสุมนี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยง กรมควบคุมโรค (20 ต.ค.) ได้แถลงรายละเอียดเงื่อนไข โดยแบ่งเป็นนักท่องเที่ยว 3 กลุ่ม ดังนี้

1. ผู้เดินทางจากทุกประเทศ, ผู้เดินทางที่ไม่ได้รับวัคซีนครบโดส เมื่อเดินทางถึงไทยจะต้องเข้าสู่การกักกันโรคในสถานกักกันที่รัฐจัดให้

2. ผู้เดินทางจากทุกประเทศที่มีปลายทางที่ 17 จังหวัดนำร่องเปิดการท่องเที่ยว ต้องได้รับวัคซีนครบโดส และจะต้องเตรียมเอกสารและปฏิบัติตามเงื่อนไข

  • เดินทางมาจากประเทศที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กำหนดและเดินทางมาทางอากาศเท่านั้น
  • มีเอกสารรับรองการรับวัคซีนครบ 2 เข็ม
  • มีผลการตรวจเชื้อด้วยวิธี RT-PCR ก่อนเดินทางไม่เกิน 72 ชม.
  • เมื่อเดินทางมาถึงจะต้องตรวจหาเชื้อซ้ำโดยทันที เมื่อผลเป็นลบถึงจะเดินทางต่อไปยังพื้นที่อื่นได้
  • ทำประกันสุขภาพอย่างน้อย 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ
    มีใบจองที่พัก

3. ผู้เดินทางเข้าประเทศโดยไม่ต้องกักตัว ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขของ สธ. ซึ่งจะมีการแถลงรายละเอียดต่อไป