กรมการขนส่งทางบก ติวเข้ม “โอนลอย” รถยนต์-มอเตอร์ไซค์

ภาพจาก http://52011010485.blogspot.com/2012/

น้ำลดตอผุด จากอุบัติเหตุคุณหมอกระต่าย

ล่าสุด รถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบก์ดูคาติที่เป็นพาหนะในอุบัติเหตุชนคนข้ามถนนบนทางม้าลาย หน้าโรงพยาบาลสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ ถนนพญาไท บ่าย 21 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา พบว่า มีการโอนลอยทิ้งค้างไว้บนอากาศถึง 4 ครั้งด้วยกัน

ล่าสุด หน่วยงานต้นสังกัดทะเบียนรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ “กรมการขนส่งทางบก” ออกมาเตือนการซื้อขายรถมือสองไม่ควรซื้อขายด้วยวิธีการโอนลอย เพราะมีความเสี่ยงอาจเป็นรถที่ได้มาด้วยวิธีไม่ถูกต้องตามกฎหมาย

พรรณี พุ่มพันธ์
พรรณี พุ่มพันธ์

“พรรณี พุ่มพันธ์” รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ปัญหาการหลอกลวงประชาชนโดยนำรถสวมทะเบียนมาหลอกขายมักเกิดขึ้นกับการซื้อขายรถมือสองด้วย “วิธีการโอนลอย”

ซึ่งคำว่า “โอนลอย” เป็นการโอนรถโดยปรากฏในแบบคำขอโอนมีเพียงชื่อผู้โอน (ชื่อเจ้าของรถ) และยังไม่มีการกรอกชื่อผู้รับโอน หรือกรอกแล้วแต่ยังไม่ไปจดแจ้งการโอนให้เรียบร้อย

และผู้ซื้อหรือผู้รับโอนไม่นำรถไปตรวจสภาพรถด้วยตนเองตามขั้นตอนของกรม ทำให้เกิดช่องว่างให้กลุ่มมิจฉาชีพนำรถโจรกรรมมาหลอกขายได้โดยง่าย

ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยและพิทักษ์สิทธิของประชาชน กรมการขนส่งทางบกแนะนำให้ผู้ซื้อรถควรดำเนินการโอนรถด้วยตนเอง และตรวจสอบหลักฐานเกี่ยวกับตัวรถโดยละเอียดก่อนทำการซื้อขาย

ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบกได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้เข้มงวดกวดขันการตรวจสภาพรถตามรายการที่กำหนดทุกคัน เพื่อป้องกันไม่ให้รถผิดกฎหมายดำเนินการทางทะเบียนได้โดยเด็ดขาด ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจพบจะมีการระงับการดำเนินการทางทะเบียนที่ไม่ถูกต้องทันที

“การซื้อขายรถมือสองทุกครั้ง ทั้งผู้ซื้อผู้ขายต้องตรวจสอบแหล่งที่มา ตรวจสอบหลักฐานทะเบียนรถให้ครบถ้วน โดยเฉพาะสมุดคู่มือรถฉบับจริงที่มีชื่อเจ้าของรถ เลขตัวถัง เลขเครื่องยนต์ สีรถต้องถูกต้องตรงกับรถคันที่จะซื้อขายทุกรายการ”

นอกจากนี้ ต้องตรวจสอบว่ามีการชำระภาษีรถประจำปีถูกต้องหรือไม่ พร้อมนำรถเข้าตรวจสภาพและดำเนินการตามขั้นตอนโอนทะเบียนรถ ณ สำนักงานขนส่งทันที

จุดย้ำคือ ไม่ควรซื้อขายด้วยวิธีการโอนลอยหรือการมอบอำนาจให้ผู้ซื้อหรือผู้ขายดำเนินการแทน เนื่องจากการซื้อขายรถด้วยวิธีการโอนลอยโดยไม่ดำเนินการโอนทางทะเบียนให้ถูกต้องในทันที อาจก่อปัญหาให้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย เช่น เอกสารหลักฐานประกอบการดำเนินการหมดอายุ ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถดำเนินการทางทะเบียนได้

หรือกรณีที่ผู้ซื้อไม่ดำเนินการชำระภาษีรถประจำปี หรือรถเกิดอุบัติเหตุยังคงปรากฏชื่อผู้ขายหรือเจ้าของรถเดิม ซึ่งชื่อใครเป็นเจ้าของทะเบียนรถ มีผลทำให้เจ้าของรถรายเดิมยังคงมีส่วนรับผิดชอบกับความผิดนั้น ๆ ด้วย