ครม. เคาะ 10 มาตรการเยียวยา ลดราคาก๊าซหุงต้ม น้ำมัน ค่าไฟ 3 เดือน

น้ำมัน-ค่าไฟ ค่าแก๊ส แพง

ครม. เห็นชอบ 10 มาตรการช่วยเหลือประชาชน รอบใหม่อีก 3 เดือน (เม.ย.-มิ.ย.) ลดราคาก๊าซหุงต้ม น้ำมัน ค่าไฟ ลดเงินสมทบประกันสังคม 

วันที่ 22 มีนาคม 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า จากภาพข่าวด้านความมั่นคง ที่ได้รับมา คาดว่าสถานการณ์การสู้รบรัสเซีย – ยูเครน ยังไม่จบได้เร็วนัก ได้สั่งการให้ระดมความคิดเพื่อหามาตรการช่วยเหลือประชาชนโดยเร่งด่วน เพิ่มเติมจากที่รัฐได้ออกมาตรการไปแล้ว และยังใช้อยู่ในขณะนี้ โดยเฉพาะช่วงสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งเราให้ความสำคัญด้านสุขภาพ วันนี้มีสถานการณ์สงคราม เราต้องหาวิธีการใหม่ ๆ เพิ่มเติม บางอย่างต้องต่อยอด ทั้งของใหม่ ของเก่า

ครม.จึงได้เห็นชอบและสามารถดำเนินการ 3 เดือน ได้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม จนถึง กรกฎาคม รวม 10 มาตรการดังนี้

    1. การเพิ่มเงินช่วยเหลือเพื่อซื้อก๊าซหุงต้มสำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 3.6 ล้านคน โดยเพิ่มเงินจากเดิม 45 บาท เป็น 100 บาท/เดือน
    2. ส่วนลดซื้อก๊าซหุงต้ม เดือนละ 100 บาท สำหรับผู้ค่าหาบเร่แผงลอยที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวนประมาณ 5,500 คน
    3. ช่วยเหลือค่าน้ำมันให้กับผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมการขนส่งทางบก จำนวน 157,000 คน โดยช่วยลดค่าใช้จ่ายน้ำมันแก๊สโซฮอลล์ 250 บาทต่อเดือน และขอให้กรมการขนส่งทางบกกำกับราคาการให้บริการเพื่อให้พี่น้องประชาชนที่ต้องใช้บริการมอเตอร์ไซค์รับจ้างมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางเท่าเดิม
    4. คงราคาขายปลีกผู้ที่ใช้ก๊าซ NGV ไว้ที่ 15.59 บาทต่อกิโลกรัม
    5. ผู้ขับขี่แท๊กซี่มิเตอร์ภายใต้โครงการลมหายใจเดียวกัน สามารถซื้อก๊าซได้ในราคา 13.62 บาท/กิโลกรัม
    6. ช่วยลดภาระค่าไฟฟ้าที่จะเพิ่มขึ้นสำหรับผู้ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน โดยลดค่า FT ลง 22 สตางค์ต่อหน่วยในช่วงเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม
    7. ตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลที่ 30 บาทต่อลิตร ไปจนถึงสิ้นเดือนเมษายน 2565 หลังจากนั้น รัฐบาลจะเข้าไปช่วยเหลือส่วนที่ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นครึ่งนึง
    8. กำกับดูแลการปรับราคาก๊าซหุงต้มในช่วงตั้งแต่เดือนเมษายน – มิถุนายน โดยใช้กองทุนน้ำมันเข้าไปช่วยลดผลกระทบจากการปรับราคาให้ไม่ขึ้นสูงเกินไป
    9. ลดอัตราเงินสบทบของนายจ้างและลูกจ้างที่อยู่ในระบบประกันสังคมมาตรา 33 จาก 5% เหลือ 1% เพื่อให้ลูกจ้างและนายจ้างสามารถมีกำลังในการใช้จ่ายและผู้ประกอบการสามารถมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นในการดำเนินธุรกิจในช่วงถัดไป
    10. ลดอัตราเงินสมทบผู้ประกันตนมาตรา 39 จาก 9% เหลือ 1.9% และลดอัตราเงินสมทบของผู้ประกันตนมาตรา 40 ลงเหลือ 42 – 180 บาทต่อเดือน

นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ออกมาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้ได้มากที่สุด ก่อนจะเข้าสู่ฤดูการเพาะปลูก โดยเน้นการใช้วัตถุดิบในประเทศ และให้กระทรวงการต่างประเทศประสานงานกับประเทศต่างๆในการจัดหาปัจจัยการผลิตที่จำเป็นเข้าประเทศด้วย

จากนี้ไป กระทรวงและหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง จะเร่งดำเนินการออกมาตรการทั้งหมดที่กล่าวมา ทั้งนี้ต้องให้เป็นไปตามข้อกฏหมาย และข้อบังคับต่างๆ รวมทั้งนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาและอนุมัติเป็นการเร่งด่วน

“ผมขอย้ำว่า รัฐบาล ทุกกระทรวง และทุกหน่วยงาน กำลังทำงานอย่างหนักเพื่อวางแผนช่วยเหลือพี่น้องประชาชนทุกคนให้ได้มากที่สุด ให้พ้นวิกฤตซ้อนวิกฤตนี้ไปให้ได้ โดยไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และเร่งเดินหน้าตามแผนฟื้นฟูประเทศที่ได้วางไว้ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ทั้งเรื่องโอกาสการค้าการลงทุนกับต่างประเทศ การเปิดประเทศและการท่องเที่ยวในระยะต่อไป เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างอาชีพและรายได้ รวมไปถึงการช่วยลดภาระ แบ่งเบาค่าครองชีพด้วยมาตรการต่าง ๆ และแก้ปัญหาหนี้สินให้พี่น้องประชาชนโดยเร็วที่สุด” นายกรัฐมนตรีกล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

หามาตรการ ช่วยเกษตรกร

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าอีก ทั้งหมดใช้เงินไปเยอะพอสมควร รายได้ก็ลดลง ขอให้เห็นใจรัฐบาลด้วยแล้วกัน เราพุ่งเป้าไปที่คนเดือดร้อนมากที่สุดก่อน ที่เหลือก็ช่วยกันกับรัฐบาลไปด้วย นึกถึงคนที่ยากจน คนที่ลำบากก่อนแล้วกัน นอกจากนี้ยังสั่งการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ ได้ออกมาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้มากที่สุด ก่อนจะเข้าฤดูการเพาะปลูก

อาจจะต้องเน้นการใช้วัตถุดิบในประเทศ และให้กระทรวงการต่างประเทศ ได้ประสานงานกับประเทศต่างๆ ในการหาปัจจัยการผลิตที่จำเป็นในการเข้ามาใช้ในประเทศของเราด้วย โดยเฉพาะปุ๋ย อาหารสัตว์ ซึ่งเราพึ่งพาต่างประเทศจำนวนมาก ซึ่งต้องมองในระยะยาว ทำอย่างไรถึงผลิตปุ๋ยในประเทศเราได้บ้าง ทำไมถึงจะมีแม่ปุ๋ยในประเทศของเรา ซึ่งมีอยู่แต่ประชาชนยังไม่เห็นชอบให้ขุด จึงขาดความเข้มแข็งในเรื่องของแม่ปุ๋ย ต้องนำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมด

โอด เจอสองเด้ง สงคราม – โรคระบาด

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หลายประเทศมีการกักตุนอาหาร กักตุนวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต รัฐบาลพยายามทำทุกอย่างให้คงสภาพให้ดีที่สุด เดือดร้อนน้อยที่สุด แต่ถ้าใช้งบประมาณทุ่มไปทั้งหมดก็ไปหมดเลย ดังนั้น ต้องดูทั้งสองทาง ทั้งเรื่องสุขภาพ และเรื่องสงคราม เท่ากับโดนสองเด้ง

“ผมขอย้ำว่ารัฐบาลทุกกระทรวง ทุกหน่วยงาน เราทำงานอย่างหนักเพื่อจะวางแผนช่วยเหลือประชาชนให้ได้มากที่สุด ตามขีดความสามารถที่เรามีอยู่เพื่อจะให้พ้นวิกฤตที่ซ้อนวิกฤตไปให้ได้ ไม่อยากทิ้งใครไว้ข้างหลัง และเราต้องเร่งเดินหน้าตามแผนฟื้นฟูประเทศ ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ทำเต็มที่ อย่าเพิ่งทะเลาะตอนนี้

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในเรื่องโอกาสการค้า การลงทุนกับต่างประเทศ การเปิดประเทศ การท่องเที่ยวในระยะต่อไป รอบนี้จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ การสร้างอาชีพ การสร้างรายได้ รวมถึงเป็นการช่วยลดภาระค่าครองชีพต่างๆ ของประชาชน และการแก้ปัญหาหนี้สินให้ประชาชนโดยเร็วที่สุด

“ปัญหาสำคัญที่สุดคือรายได้ของประเทศ ซึ่งอยู่ในห้วงที่เราเน้นการลงทุนตลอด หลายปีมาแล้ว โครงการอีอีซี โครงการอุตสาหกรรมใหม่ โครงการรถไฟฟ้าเกิดขึ้น โครงการต่างๆ ที่มีการลงทุนในประเทศและขอรับการสนับสนุนการลงทุนมากขึ้น แต่อยู่ในช่วงการดำเนินการ เมื่อผ่านพ้นช่วงเวลาเหล่านี้ไปเราน่าจะมีรายได้เพิ่มมากขึ้น รัฐบาลไม่ได้มุ่งหวังเพียงแต่ใช้เงินอย่างเดียว” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว


พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ใกล้สงกรานต์แล้ว ทำอย่างไรให้บ้านเมืองดีขึ้น สงบสุขขึ้น ซึ่งอยู่ที่คนไทยต้องช่วยกัน อะไรที่ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญ อย่าเพิ่งเอามาทะเลาะกันตอนนี้ ตนพยายามทำให้เต็มที่แล้ว