กทม. ยกระดับมาตรการเชิงรุก แก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 จากต้นเหตุ 6 เดือน ผนึกรัฐจับ-ปรับรถยนต์ควันดำ 1.7 ล้านบาท จ่อใช้มาตรการเกณฑ์วัดควันดำใหม่ 13 เม.ย. 65 ขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง”
วันที่ 29 มีนาคม 2565 นายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ปัจจุบัน กทม. ได้ผลักดันแผนป้องกันและแก้ปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่ กทม. ปี 2565 ภายใต้แผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง”
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
โดยได้ยกระดับมาตรการเชิงรุก เพื่อควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิด อาทิ รถยนต์ควันดำ และได้ร่วมกับกองบังคับการตำรวจจราจร กรมการขนส่งทางบก องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และกรมควบคุมมลพิษ กวดขัน ตรวจจับ และบังคับใช้กฎหมายกับรถทุกประเภทที่ปล่อยควันดำใน กทม. อย่างเข้มงวด เพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 จากยานพาหนะตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี
ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มจุดตรวจวัดควันดำขาเข้า- ขาออกตามถนนสายหลักต่าง ๆ เพิ่มความเข้มข้นการตรวจสอบและระงับการใช้รถที่มีควันดำจนกว่าจะนำรถไปปรับปรุงแก้ไข
รวมถึงรถโดยสารสาธารณะที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลดำเนินการตรวจวัดค่าไอเสียต้องผ่านเกณฑ์มาตรฐานใหม่ของกรมควบคุมมลพิษก่อนนำออกมาวิ่งให้บริการประชาชน ปรับปรุงเครื่องยนต์ของรถให้มีประสิทธิภาพมีค่าไอเสียที่อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
และได้ประชาสัมพันธ์ผู้ขับขี่ให้ทราบเกณฑ์มาตรฐานควันดำใหม่ที่บังคับใช้ในวันที่ 13 เมษายน 2565 นี้ เพื่อให้ประชาชนดูแลบำรุงรักษารถยนต์ให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
ทั้งนี้ กทม. ได้สั่งหน่วยงานในสังกัดบำรุงรักษาเครื่องยนต์ไม่ให้เกิดควันดำ ตรวจสอบค่ามลพิษจากปลายท่อไอเสีย และพิจารณาลดการใช้รถยนต์เครื่องดีเซล หันมาใช้รถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
อย่างไรก็ดี รายงานของสำนักการคลัง โดยกองโรงงานช่างกลที่ได้จัดหน่วยบริการตรวจสภาพรถยนต์เคลื่อนที่เพื่อลดมลพิษ PM2.5 ซึ่งเป็นมาตรการเชิงรุกในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง ตั้งแต่ 19 ต.ค.64 – 25 ก.พ.65 ได้ออกหน่วยบริการไปยังหน่วยงานและสำนักงานเขตต่าง ๆ จำนวน 29 หน่วยงาน
เบื้องต้น ให้บริการตรวจรถยนต์แล้วทั้งสิ้น 1,273 คัน ไม่ผ่านเกณฑ์ จำนวน 73 คัน สามารถแก้ไขในระหว่างการตรวจวัด จำนวน 60 คัน ส่วนอีก 13 คัน ไม่สามารถแก้ไขระหว่างการตรวจวัดได้ จึงแนะนำให้หน่วยงานเจ้าของรถส่งรถเข้ากองโรงงานช่างกลตรวจซ่อมแก้ไข
ด้านเจ้าหน้าที่เทศกิจกรุงเทพมหานคร ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ กวดขัน และห้ามใช้รถยนต์ควันดำในพื้นที่กรุงเทพฯ รวมถึงการตั้งจุดตรวจ กวดขันรถบรรทุกดิน หรือวัสดุอื่นใดที่อาจจะก่อให้เกิดปัญหาฝุ่นละออง และรถบรรทุกที่เข้า – ออก บริเวณสถานที่ก่อสร้างให้มีการป้องกันมิให้วัสดุที่บรรทุกตกหล่น รั่วไหล ปลิว ฟุ้ง กระจาย และล้างทำความสะอาดล้อรถบรรทุกก่อนออกจากสถานที่ก่อสร้างทุกครั้ง
โดยระหว่างเดือน ม.ค. – ธ.ค.64 ได้ทำการจับ – ปรับ ผู้ฝ่าฝืนก่อให้เกิดฝุ่นละออง หรือไม่ร่วมกันป้องกันการเกิดฝุ่นละออง จำนวนทั้งสิ้น 772 ราย เป็นเงินทั้งสิ้น 1,743,500 บาท
นอกจากนี้ กทม. ได้ขอความร่วมมือประชาชน “ไม่ขับ…ช่วยดับเครื่อง” และใช้รถเท่าที่จำเป็น ตลอดจนการรณรงค์เพื่อสร้างความตระหนักรู้และการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตรวจสอบและบำรุงรักษารถยนต์/เครื่องยนต์ ให้มีสภาพพร้อมใช้งาน ไม่ปล่อยมลพิษเกินมาตรฐานกำหนด เพื่อลดการเกิดฝุ่น PM2.5
การบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการขับเคลื่อนมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ในทุกมิติ และมาตรการที่กรุงเทพมหานครดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เช่น ควบคุมสถานประกอบการไม่ให้ปล่อยมลพิษทางอากาศ กำชับให้ผู้รับเหมาก่อสร้างดูแลพื้นที่และปฏิบัติตามมาตรการที่ระบุไว้ในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ระยะก่อสร้างอย่างเคร่งครัดและเร่งคืนผิวจราจร
พร้อมกับกวดขัน ตรวจตราและควบคุมไม่ให้มีการเผาในที่โล่งทุกประเภท โดยขอความร่วมมือประชาชนงดการเผาในที่โล่ง พร้อมประสานจังหวัดปริมณฑลเพื่อเฝ้าระวังไม่ให้มีการเผา และเพิ่มความถี่ในการฉีดล้างใบไม้ ฉีดล้างและดูดฝุ่นถนน
ตลอดจนการวางแผนป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ในระยะยาว อาทิ กำหนดและบังคับใช้มาตรฐานการระบายมลพิษจากรถยนต์ใหม่ตามยูโร 5/6 เร่งพัฒนาโครงข่ายระบบขนส่งสาธารณะหลักให้ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพมหานคร สนับสนุนการลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลในการเดินทาง ผลักดันให้ผู้ประกอบการผลิตน้ำมันดีเซลลดสารกำมะถันให้เหลือไม่เกิน 10 ppm เพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน