กทม.ฉีดวัคซีนโควิดเข็ม 3-4 กลุ่ม 608 สกัดคลัสเตอร์ช่วงสงกรานต์

กทม.เร่งฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นกลุ่ม 608 ป้องกันการแพร่เชื้อก่อนเทศกาลสงกรานต์ สั่งเดินหน้ามาตรการเชิงรุกลงพื้นที่ฉีดวัคซีนสูงวัย-เปิดจุดวอล์กอินฉีดวัคซีนมากขึ้น

วันที่ 29 มีนาคม 2565 นายชวินทร์ ศิรินาค รองปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยในการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 11/2565 ว่า ปัจจุบันการแพร่ระบาดโควิดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอัตราคงที่ ในลักษณะติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อน

โดยเริ่มพบการระบาดในที่ทำงานมากขึ้น มีประวัติเสี่ยงติดเชื้อภายในครอบครัว หลังจากมีกิจกรรมร่วมกัน อาทิ รับประทานอาหารใกล้ชิด

เบื้องต้น เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อโควิด ให้ประชาชนยกระดับมาตรการ VUCA ได้แก่ การฉีดวัคซีน การป้องกันตนเองครอบจักรวาล องค์กรเน้นปฏิบัติตามโควิด ฟรี เซ็ตติ้ง และหมั่นตรวจหาเชื้อโควิดด้วย ATK ด้านโรงงานและแคมป์ก่อสร้างหากมีพบการระบาดให้ใช้มาตรการ Bubble & Seal

อย่างไรก็ดี ในช่วงก่อนถึงเทศกาลสงกรานต์ปี 2565 กทม. ได้เร่งรัดการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในกลุ่ม 608 ได้แก่ ผู้สูงอายุ กลุ่มเสี่ยง 7 กลุ่มโรค และหญิงตั้งครรภ์ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปยังผู้สูงอายุที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน

โดยแนะนำให้ฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ระยะห่างจากเข็มที่ 2 ตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป แนะนำให้ฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 ระยะห่างจากเข็มที่ 3 ตั้งแต่ 4 เดือนขึ้นไป

นอกจากนี้ ให้เร่งประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชน โดยเน้นกลุ่มผู้สูงอายุที่ไม่ได้รับวัคซีนหรือวัคซีนเข็มกระตุ้น เพื่อป้องกันการติดเชื้อและลดอัตราการเสียชีวิตให้น้อยลง

พร้อมกับขอความร่วมมือสถานพยาบาลทุกแห่งจัดกิจกรรมรณรงค์การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในกลุ่ม 608 ตามแนวทาง ดังนี้

1.เพิ่มช่องทางบริการวอล์กอิน (Walk in) ทั้งในสถานพยาบาล และในจุดฉีดนอกสถานพยาบาล

2.ให้สำนักงานเขตดำเนินงานโครงการ ผอ.เขตเดินดิน อย่างต่อเนื่อง

3.อาสาสมัครสาธารณสุขลงพื้นที่สำรวจกลุ่ม 608 ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น และสำรวจผู้สูงอายุที่มีประวัติติดเชื้อที่รักษาหายแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้เข้ารับการฉีดวัคซีน

4.ออกหน่วยบริการฉีดวัคซีนเชิงรุกในชุมชนให้แก่ผู้สูงอายุที่ไม่สะดวกเดินทาง

นอกจากนี้ ให้กำกับติดตามมาตรการสำหรับกิจกรรม/กิจการที่เปิดดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันให้จัดทำมาตรการสอบสวนโรคในกรณีการระบาดเป็นกลุ่มก้อน และประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจให้ประชาชนทราบถึงการปฏิบัติตัวในการป้องกันตนเอง เมื่อสัมผัสผู้ป่วยโควิด-19 และแนวทางการรักษาที่เป็นปัจจุบัน