ปริญญ์ ยังไม่ประสานเข้าให้ปากคำ ทนายตั้มปัดแฉเพราะการเมือง

ภาพจากเพจเฟซบุ๊ก สถานีตำรวจนครบาลลุมพินี

รอง ผบช.น. บุก สน.ลุมพินี เผย ยังไม่ได้รับการประสานจาก “ปริญญ์” เข้าให้ปากคำ ชี้คดีที่แจ้งความไว้ยอมความไม่ได้ ด้านทนายตั้มปฏิเสธแฉเพราะการเมือง

วันที่ 14 เมษายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานกรณี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ โพสต์ข้อความระบุว่า มีผู้เสียหายถูกรองหัวหน้าพรรคการเมืองพรรคใหญ่พรรคหนึ่งลวนลามโดยไม่สมยอม รวมถึงเคยก่อเหตุลักษณะเดียวกันกับหญิงไทย อายุ 18 ปี 2 คน ในประเทศอังกฤษ โดยมีการแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สน.ลุมพินี เมื่อวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา

มีการคาดเดาว่าเป็น นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งต่อมาเจ้าตัวได้แถลงลาออกจากทุกตำแหน่งในพรรค เพื่อพิสูจน์ตัวเองตามกระบวนการยุติธรรม

ล่าสุด มติชน รายงานว่า พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง ผบช.น. เดินทางมาที่ สน.ลุมพินี เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีดังกล่าว พร้อมเปิดเผยว่า ผู้เสียหายได้แจ้งความร้องทุกข์ที่ สน.ลุมพินี เมื่อวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา ทางตำรวจได้มีการสืบสวนหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมพอสมควร โดยภาพจากกล้องวงจรปิดที่ตำรวจได้มานั้นมีประโยชน์ต่อรูปคดี

พล.ต.ต.ไตรรงค์กล่าวว่า คดีนี้เป็นการกระทำอนาจารต่อหน้าธารกำนัล มีอัตราโทษเกิน 3 ปี ยอมความไม่ได้ แต่การจะขอศาลอนุมัติออกหมายจับ หรือหมายเรียกนั้น ถือเป็นดุลยพินิจของศาล หากผู้ก่อเหตุจะมามอบตัวก่อนก็ถือว่าเป็นสิทธิที่จะกระทำได้ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานจากผู้ก่อเหตุว่าจะเข้ามาให้ปากคำเมื่อใด

Advertisment

พล.ต.ต.ไตรรงค์กล่าวต่อว่า ส่วนผู้เสียหายรายอื่น ต้องดูว่าเกิดเหตุในพื้นที่ใด และให้ทำการแจ้งความร้องทุกข์ที่สถานีตำรวจในพื้นที่เกิดเหตุ แต่หากสะดวกที่ใดก็สามารถแจ้งความที่ท้องที่นั้น ๆ ได้ ตำรวจจะส่งเรื่องไปยังพื้นที่เกิดเหตุ

ส่วนกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาแถลงขอลาออกทุกตำแหน่ง และปฏิเสธข่าวนั้น พล.ต.ต.ไตรรงค์กล่าวว่า ตำรวจต้องรวบรวมพยานหลักฐานทั้ง 2 ฝ่าย เบื้องต้น ยังไม่สามารถระบุตัวผู้ต้องหาในทางคดีได้ ทั้งนี้ ขอย้ำว่าตำรวจไม่เลือกปฏิบัติ แม้ผู้ถูกกล่าวหาจะมีตำแหน่งใดก็ตาม

รายงานข่าวแจ้งว่า น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 18 ปี ได้แจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี เมื่อวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา เพื่อเอาผิดนายบี (นามสมมุติ) รองหัวหน้าพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ในข้อหา “กระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปีโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้” หลังเมื่อเวลา 17.00-19.00 น. วันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา หลัง น.ส.เอได้รับการแนะนำเรื่องการลงทุนจากมารดาที่ให้มารู้จักกับนายบี ซึ่งมีความรู้และเชี่ยวชาญด้านการลงทุน และเศรษฐศาสตร์

ทั้งนี้ เมื่อไปถึงที่ร้านพบว่านายบีกำลังดื่มแอลกอฮอล์อยู่ และชักชวนให้ดื่มด้วย แต่ น.ส.เอไม่ดื่ม ก่อนที่นายบีจะบอกว่าตนเองเป็นผู้ใหญ่ และบังคับให้ดื่ม ด้วยความเกรงใจและไม่ต้องการมีปัญหา น.ส.เอจึงดื่มไปตามที่บอก

Advertisment

ระหว่างนั้น นายบีได้พูดคุยเรื่องส่วนตัว ซึ่งไม่เกี่ยวกับวัตถุประสงค์ที่มาพูดคุยกัน อีกทั้งยังสอบถามว่ามีแฟนมากี่คน เคยจูบและมีเพศสัมพันธ์หรือไม่ และยังพยายามขยับเข้ามานั่งใกล้ ใช้มือแตะเนื้อตัว หอมมือ แขน และจูบปาก ซึ่ง น.ส.เอ พยายามผลัก เพราะไม่ชอบให้ใครมาถูกตัว แต่นายบีก็ยังขยับเข้ามาใกล้ทุกครั้งที่มีโอกาสจนทนไม่ไหว ก่อนจะขอตัวกลับ นายบีจึงขอขับรถไปส่ง และ น.ส.เอ ไม่สามารถปฏิเสธได้

โดยขณะที่อยู่บนรถ นายบียังพยายามมาจับมือ น.ส.เอ ซึ่งพยายามผลักอยู่หลายครั้ง จนมาถึง MRT สถานีเพชรบุรี จึงลงจากรถและเดินทางกลับบ้าน ก่อนจะเล่าเรื่องดังกล่าวให้แม่ฟังและเข้าแจ้งความ ก่อนที่พนักงานสอบสวนได้รับคำร้องทุกข์ พร้อมสอบปากคำผู้เสียหายไว้ และส่งตัวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลตำรวจ พร้อมประสานฝ่ายสืบสวนตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุเพื่อนำมาประกอบผลทางคดี

ทนายตั้มเชื่อเป็นเรื่องจริง

ด้านนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ เดินทางไป สน.ลุมพินี เช่นกัน โดยเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เหตุดังกล่าวเกิดเมื่อวันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา ได้พูดคุยกับผู้เสียหายจนทราบข้อเท็จจริงแล้ว ทราบว่าแม่ของผู้เสียหายเองก็ชื่นชอบพรรคการเมืองนี้เช่นกัน เพราะเป็นคนพูดจาดี แต่เมื่อเกิดเรื่องก็เสียความรู้สึกจนต้องมาพบตน

อีกทั้งเมื่อมีข่าวออกไป ก็มีเหยื่ออีก 3 คนติดต่อตนเข้ามา ซึ่งมีอายุประมาณ 18 ปีทั้งหมด รายหนึ่งอยู่ที่ จ.ราชบุรี มีแม่ทำงานในพรรคเดียวกันกับผู้ก่อเหตุ อีกรายถูกข่มขืนจนต้องหนีไปประเทศอังกฤษ อีกรายโดนลวนลาม ซึ่งเหยื่อบางรายถูกพาขึ้นคอนโดส่วนตัวด้วย

“เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องจริง เพราะตลอดเวลาที่เหยื่อพูดก็แสดงอาการร้องไห้ตลอดเวลา ขณะเกิดเหตุแม้จะขัดขืน พยายามหลบหลีก แต่นักการเมืองคนดังกล่าวก็ใช้กำลัง แม้จะมีคนอื่นอยู่ในร้าน แต่ก็เป็นชาวต่างชาติ ซึ่งเหยื่อทั้งอายและกลัวจึงไม่กล้าขอความช่วยเหลือ โดยพฤติกรรมของนักการเมืองรายนี้ จะมีการพูดคุยทำนองชู้สาวและเรื่องใต้สะดือ ส่วนมากเหยื่อจะอายุประมาณ 18 ปีทั้งหมด ซึ่งตนได้ข้อมูลมาทั้งหมดว่าถูกพาไปขึ้นคอนโดส่วนตัวที่ใด” นายษิทรากล่าว

ชี้ไม่เกี่ยวกับการเมือง

นายษิทรากล่าวอีกว่า หากนักการเมืองรายนี้ไม่กลัวความผิด เมื่อวานนี้จะพยายามโทรไปขอโทษผู้เสียหายและแม่เขาทำไม อยากให้ออกมาปฏิเสธ เพราะเชื่อว่าจะนำแชตของแม่ผู้เสียหายมาแสดง ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่จะทราบดังกล่าว

นอกจากนี้ เชื่อว่ามีเหยื่อรวมแล้วเกิน 10 คน ถูกข่มขืนไม่ต่ำกว่า 5-6 คน โดยมีพฤติกรรมในลักษณะนี้มาตั้งแต่ปี 2556 และเหยื่อรายล่าสุดคือเมื่อปีก่อน ทำให้ต้องหนีไปต่างประเทศ หรือเป็นโรคซึมเศร้า โดยสถานที่ที่ใช้ในการก่อเหตุนั้น จะใช้ร้านอาหารแห่งนี้นัดพบหลายครั้ง

อีกทั้งผู้ก่อเหตุมักจะข่มขู่เหยื่อในทำนองว่า “รู้หรือไม่ว่าพ่อของตนเป็นใคร” จนทำให้เหยื่อหวาดกลัวและไม่กล้าแจ้งความ โดยนักการเมืองรายนี้มีรสนิยมชอบเหยื่อที่มีอาการขัดขืน ทั้งนี้ ขอให้เหยื่อรายอื่น ๆ หากถูกกระทำในลักษณะนี้ให้มาแจ้งความเอาผิด เพราะโทษของคดีนี้มาอายุความถึง 20 ปี

“ส่วนตัวไม่กลัวจะถูกฟ้อง รวมถึงเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ซึ่งเหตุเกิดเมื่อวันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา ก็ต้องแจ้งความตอนนี้ เบื้องต้นทราบว่า ตำรวจได้ไปเก็บภาพจากกล้องวงจรปิดของร้านดังกล่าว ที่ตั้งอยู่ชั้นดาดฟ้าโรงแรมแห่งหนึ่ง ในซอยสุขุมวิท 11 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ แล้วเมื่อวันที่ 13 เมษายนที่ผ่านมา แต่ตนไม่ทราบว่าจะเห็นพฤติกรรมหรือไม่” นายษิทรากล่าว

ภาพจากมติชนออนไลน์

ด้าน พ.ต.อ.นิมิตร นูโพนทอง ผกก.สน.ลุมพินี เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวผ่านโทรศัพท์ว่า ได้สอบปากคำผู้เสียหายหลังรับแจ้งความเมื่อวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมาแล้ว ส่วนรายละเอียดความคืบหน้าของคดีนั้น รายละเอียดยังคงอยู่ในสำนวน ไม่สามารถเปิดเผยได้