เลขาธิการ กสทช. เผยสำนักงานส่งข้อมูลผลการศึกษาวิเคราะห์ดีลควบรวม “ทรู-ดีแทค” เรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างการพิจารณา และรับฟังความเห็นจากคณะกรรมการกฤษฎีกา
วันที่ 14 กันยายน 2565 ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า ช่วงเช้าวันนี้มีการประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) โดยได้มีการรับเอกสารรวบรวมผลการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลการควบรวมกิจการระหว่าง “ทรู-ดีแทค” ที่เคยร้องขอสำนักงานเพิ่มเติม ทั้งนี้ เพื่อประกอบการตัดสินใจลงมติในวาระการประชุมพิเศษลำดับต่อไป
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- KNLA ถอนกำลังจากเมียวดี ไปโจมตีทหารเมียนมากองพล 55 ผู้ลี้ภัยข้ามฝั่งกลับแล้ว
นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทน เลขาธิการ คณะกรรมการ กสทช. เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เช้าวันนี้ (14 ก.ย. 2565) สำนักงานได้ส่งเอกสารรายงานผลการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลเรียบร้อยแล้ว ซึ่งคณะกรรมการจะนำไปอ่านเพื่อพิจารณา ส่วนลำดับขั้นตอนต่อไปนั้น ทางสำนักงาน กสทช.จะยังรอรับฟังความคิดเห็นจากคณะกรรมการกฤษฎีกา ส่วนการตัดสินหรือลงมติคงจะมีการประชุมในวาระพิเศษหลังจากที่คณะกรรมการทุกท่านได้พิจารณาข้อมูลและความเห็นต่าง ๆ แล้ว
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมที่คณะกรรมการ กสทช. เคยร้องขอนั้น ได้แก่
1) ผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการเพื่อศึกษาและวิเคราะห์กรณีการรวมธุรกิจระหว่างทั้งสองบริษัทจำนวน 4 คณะ
2) ผลสรุปการจัดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะในวงจำกัด 3 กลุ่ม
3) รายงานการศึกษาผลกระทบทางเศรษฐศาสตร์กรณีการรวมธุรกิจ โดยสำนักงาน กสทช.
4) ร่างผลการศึกษาของที่ปรึกษาวิเคราะห์การรวมธุรกิจ โดยศูนย์บริการวิชาการจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
5) รายงานของที่ปรึกษาอิสระในการจัดทำความเห็นประกอบรายงานการรวมธุรกิจ โดยบริษัท หลักทรัพย์ฟินันซ่า จำกัด
นอกจากนี้ สำนักงาน กสทช.ยังเคยมีหนังสือ ลับ ด่วนที่สุด ที่ สทช 2402/38842 ลงวันที่ 25 ส.ค. 2565 ถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อขอความอนุเคราะห์สั่งการให้คณะกรรมการกฤษฎีกาวินิจฉัยให้ความเห็นในประเด็นข้อกฎหมายกรณีการรวมธุรกิจระหว่าง ทรู-ดีแทค ซึ่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในตำแหน่งรักษาการนายกฯ ได้รับเรื่องและสั่งการต่อไปยังเลขาธิการกฤษฎีกาเพื่อทำการหารือเรียบร้อยแล้วในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนี้ประเด็นทางกฎหมายดังกล่าวเพื่อประกอบการตัดสินใจและเป็นแนวทางดำเนินการของสำนักงาน กสทช. ต่อไป