“มาสเก็ตคอมฯ” เผย 3 เทรนด์การตลาดดิจิทัลปี 2023

“มาสเก็ต คอมมูนิเคชั่นส์” เดินหน้าสร้างแบรนด์ให้ธุรกิจด้วยการตลาดดิจิทัล ชู InnoCreative Agency สร้างความต่างด้วยการใช้เทคโนโลยีตอบโจทย์การสื่อสาร และการขาย ทั้งเผย 3 เทรนด์การตลาดดิจิทัลหลังยุคโควิด

วันที่ 10 พฤศจิกายน 2565 นางสาวลิษา เลาหกรวัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสเก็ต คอมมูนิเคชั่นส์ จำกัด กล่าวว่าในฐานะดิจิทัล เอเยนซี่ มองการเกิดขึ้นของคลื่นลูกใหม่ตั้งแต่ในอดีตจนมาถึงยุคเว็บ 3.0 ว่า เกิดขึ้นได้เมื่อ 2 สิ่งมาบรรจบกัน คือเทคโนโลยี (Technology) และความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) เห็นได้จากในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ธุรกิจต่าง ๆ พัฒนาต่อเนื่องด้วยการใช้เทคโนโลยี เช่น มีแอปพลิเคชั่นปรึกษาแพทย์ และจ่ายยาโดยเภสัชกรที่จัดส่งด้วยบริการดีลิเวอรี่, คอร์สเรียนออนไลน์และปรึกษาได้ 24 ชั่วโมง, การสั่งอาหาร และซื้อของสดผ่านแอปพลิเคชั่น ซึ่งเพิ่มโอกาสให้กับธุรกิจและสร้างแบรนด์ให้แตกต่างได้

สำหรับปีหน้า 2023 เทคโนโลยีก็จะยังคงมีความสำคัญ แต่จะเกิดสมดุลมากขึ้น เมื่อสถานการณ์โควิดคลี่คลายลง ผู้คนจะเริ่มโหยหาประสบการณ์จริง (Tangible Experience) ควบคู่ไปกับการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีทำให้ชีวิตคล่องตัว เช่น การทำงานในรูปแบบไฮบริด ส่วนทิศทางและแนวโน้มการตลาดปี 2023 ที่กำลังจะมาถึงจะเป็นยุคแห่งการฟื้นฟู บาลานซ์ และพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น โดยคาดว่าจะเกิดสมดุลใน 3 ด้าน

1.Technology for better lives

เทคโนโลยีจะมาช่วยตอบโจทย์การขายสินค้าได้สะดวก รวดเร็วขึ้น โดยมี AI รับหน้าที่จัดการข้อมูลอย่างแม่นยำ และ AR เข้ามาหลอมรวมโลกจริง และโลกเสมือนจริงไว้ด้วยกัน

“ปี 2023 เราจะเห็นธุรกิจเข้ามาลงทุนเพื่อทำให้เทคโนโลยี AI และ AR เข้ามาทำให้การใช้ชีวิตง่ายขึ้นและลดต้นทุน เช่น AI แปลภาษาอัตโนมัติ และพูดทุกภาษาได้โดยมี Virtual Human รองรับการเกิดขึ้นของเศรษฐกิจแบบ D2A หรือ Direct-to Avatar ที่หมายถึงการให้บริการพื้นที่ สินค้า และประสบการณ์เสมือนจริงกับลูกค้าเสมือนได้คุยกับคน เช่น ผู้บริโภคไปช้อปปิ้งที่ห้างแล้วมี AI Personal Shopping Assistant ช่วยให้คำแนะนำในมือถือ”

ปีหน้าเทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทในธุรกิจออนไลน์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่าง ๆ เช่น Facebook, Instagram และ TikTok โดยผู้บริโภคสามารถนำสินค้ามาทาบกับตัวเองผ่านเทคโนโลยี AR เช่น เสื้อผ้า แว่นกันแดด เฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ จากนั้นกดเข้าไปซื้อในอีคอมเมิร์ซได้ทันที โดยเทคโนโลยีเหล่านี้จะเข้ามาช่วยในการตัดสินใจ พร้อมสร้างประสบการณ์การซื้อของบนโลกออนไลน์ได้แบบสมจริงและสนุกยิ่งขึ้น

2.Integrated Channel Experience

ออนไลน์จะยังมีความสำคัญ เพราะผู้บริโภคจะตัดสินใจซื้อสินค้าผ่านประสบการณ์ที่ได้รับจากทั้งออนไลน์และออฟไลน์ โดยธุรกิจที่ขาย Essential products คือ สินค้าที่จำเป็นในการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น สบู่ น้ำหอม ของสด จะเกิดการมองเห็นจากป้ายโฆษณา และโฆษณาออนไลน์ แล้วหาขอมูลต่อบนออนไลน์ แต่เกิดการซื้อเมื่อมาที่ร้านค้า เป็นต้น ขณะที่สินค้า Non-Essential products คือสินค้าที่อาจไม่จำเป็นมากนัก แต่ตัดสินใจได้ง่าย เช่น สินค้าแฟชั่น ของเล่นเด็ก จะเกิดจากการเห็นออนไลน์ ทั้งโฆษณา และรีวิว แล้วตัดสินใจเลือกซื้อออนไลน์ได้ง่าย เมื่อได้รับสิทธิประโยชน์พิเศษหรือโปรโมชั่น

เทรนด์ที่ 3.Community drives business

ความสนใจของผู้บริโภคมีความหลากหลาย ธุรกิจจะมีความสามารถในการเข้าใจกลุ่มเป้าหมายได้อย่างลึกซึ้งด้วยการใช้เทคโนโลยีในการฟังเสียงในโซเชียลและการเก็บดาต้า เมื่อเข้าใจแล้วสามารถสร้างสรรค์ผลงานที่ตอบโจทย์ ทำให้กลุ่มเป้าหมาย 20% กลายเป็นลูกค้าประจำ และเกิดการบอกต่อเพื่อน และคนใกล้ชิด

“ปัจจุบันความน่าเชื่อถืออยู่ที่ Influencer และ Community ที่ทำให้ผู้บริโภครู้สึกไว้วางใจ เรามีลูกค้ากว่า 80% ในพอร์ตที่ทำงานด้วยกันกว่า 3 ปี หลากหลายธุรกิจ กว่า 100 ราย ตั้งแต่ธุรกิจอะไหล่ และรถยนต์, ผลิตภัณฑ์ด้านเภสัชกรรม, ค้าปลีก และอสังหาริมทรัพย์, ธุรกิจด้านความงาม, สินค้าอุปโภค บริโภค, ธุรกิจด้านการสื่อสาร และการประชาสัมพันธ์, กลุ่มธุรกิจสตีมมิ่งทีวี ตลอดจนองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร”

นางสาวลิษากล่าวต่อว่า เราตั้งใจนำพาเทคโนโลยี และไอเดียสดใหม่กับความมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนการสื่อสาร และการตลาดที่แตกต่าง พร้อมนำพาแบรนด์ และทีมงานไปข้างหน้าอยู่เสมอ โดยสามารถดูรายละเอียดเกี่ยวกับบริษัทได้ที่เว็บไซต์ www.masketcommunications.com