งานคอมมาร์ตคึกอัดโปรแรง ปลุกมู้ดจับจ่าย “สินค้าไอที” ผ่อนนาน 3 ปี

คอมมาร์ต

สินค้าไอทีลุ้นกำลังซื้อโค้งท้าย ขนทัพสินค้าใหม่-เก่าจัดเคลียแรนซ์เซล ทั้งลดทั้งแถม พร้อมโปรแกรมเงินผ่อนนานถึง 36 เดือน หวังปั๊มยอดขายปิดท้ายปีเต็มสตรีม ผู้จัดงาน “คอมมาร์ต” ชี้โควิดคลี่คลายปลุกขาช็อปกลับมาเดินงานอีเวนต์คึกคัก เชื่อตลาด “เกมมิ่ง-ครีเอเตอร์” ยังไปได้ ขณะที่ยักษ์ค้าปลีกค้าส่ง “แอดไวซ์ฯ” ยอมรับสารพัดปัจจัยลบแตะเบรกผู้บริโภคชะลอใช้เงิน เตรียมทบทวนปรับเป้ายอดขายทั้งปีใหม่

นายจักรกฤษณ์ วัชระศักดิ์ศิลป์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานผลิตภัณฑ์ การขายและการตลาด บริษัท แอดไวซ์ ไอที อินฟินิท จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ภาพรวมตลาดสินค้าไอทีปีนี้ โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าคอนซูเมอร์แทบจะไม่มีการเติบโตหรืออาจเติบโตลดลงด้วย จากปัจจัยลบต่าง ๆ

ขณะที่ในฝั่งคอมเมอร์เชียลน่าจะยังเติบโตต่อได้ ทำให้บริษัทไม่สามารถผลักดันยอดขายได้ถึงตามเป้าที่วางไว้ 19,000 ล้านบาท หรือเติบโต 25% จากปีที่ผ่านมาได้ จึงจะต้องมีการทบทวนเป้ากันใหม่อีกครั้ง

ปัจจัยลบเบรกมู้ดจับจ่าย

“เงื่อนไขหลายอย่างในปีนี้จะคล้ายกับปี 2019 คือก่อนโควิด แต่เทียบกันปีนี้โตกว่า แต่จะปิดที่เท่าไรยังบอกไม่ได้ ตอนแรกทุกคนมองว่าปีนี้จะดี แต่ปรากฏว่ามีปัญหาต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย ตั้งแต่ความนิยมบิตคอยน์และคริปโตลดลง สงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ส่งผลต่อเงินเฟ้อ อัตราแลกเปลี่ยน น้ำมันแพง กระทบต้นทุนสินค้าโดยตรง รวมเข้ากับสภาพเศรษฐกิจมหภาคที่ไม่ดี ส่งผลให้ลูกค้าชะลอการซื้อออกไป สินค้าไอทีเดิมมีไลฟ์ไซเคิลประมาณ 2 ปีก็ยืดออกไปนานขึ้น”

โดยตนมองว่าปีนี้สินค้าไอทีไม่ใช่สิ่งจำเป็นเหมือนในช่วงโควิดเเล้ว แม้ไตรมาสแรก/2565 จะพอมีโมเมนตัมความต้องการเหลืออยู่ กระทั่งมีวิกฤตต่าง ๆ เกิดขึ้นต่อเนื่อง คนเริ่มเก็บเงินไว้ซื้อสิ่งจำเป็น ประกอบกับต้นทุนสินค้าสูงขึ้น ทำให้ราคาสินค้าปลายทาง (end user) แพงขึ้น จึงยิ่งซ้ำเติม

ต้นทุนสินค้าพุ่งดันราคาขึ้น

“เศรษฐกิจไม่ดี กำลังซื้อลด แต่สินค้ากลับแพงขึ้น ปัญหาเหล่านี้ทำให้เราไม่สามารถทำรายได้ในฝั่งคอนซูเมอร์ได้ตามเป้าที่วางไว้ ยอดขายตกลงต่อเนื่องมาหลายเดือน คาดว่าจนถึงไตรมาส 1 ปีหน้าก็ยังไม่เห็นสัญญาณฟื้นตัว ขณะที่ฝั่งคอมเมอร์เชียลของเรายังมีสัดส่วนรายได้ค่อนข้างน้อยมาก ซึ่งปีหน้าจะต้องขยายให้มากขึ้น” นายจักรกฤษณ์ทิ้งท้าย

ด้านนายวินัย อมรวิรัตน์สกุล ผู้บริหาร บริษัท เอซุส ประเทศไทย กล่าวว่า กลุ่มลูกค้าหลัก ๆ ของบริษัทแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่นิยมเล่นเกม และกลุ่มที่ทำงานด้านการสร้างสรรค์คอนเทนต์ เช่น สตรีมมิ่ง, การออกแบบต่าง ๆ ซึ่งทั้ง 2 กลุ่มเป็นกลุ่มที่ซื้อคอมพิวเตอร์ราคาสูง จึงไม่ได้มองว่าปัญหากำลังซื้อจะกระทบต่อการตัดสินใจซื้อแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม ราคาคอมพิวเตอร์โดยเฉลี่ยมีการปรับขึ้นในทุกเซ็กเมนต์ จากต้นทุนต่าง ๆ ที่ปรับตัวขึ้น รวมถึงปัญหาเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนที่กระทบต้นทุนผู้ผลิตมานานหลายเดือน ขณะที่ผู้บริโภคมีความต้องการด้านฟีเจอร์ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ผลิตอย่างเอซุสต้องออกแบบคอมพิวเตอร์ให้มีฟีเจอร์ที่ตอบสนองต่อความต้องการของยุคใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ระหว่างวันที่ 24-27 พฤศจิกายน 2565 มีงานมหกรรมสินค้าไอทีส่งท้ายปี COMMART GAME ON โดยมีผู้จัดจำหน่ายสินค้าไอทีตบเท้านำสินค้ามาร่วมงานคึกคักกว่า 82 บูท ทั้งเกมมิ่งโน้ตบุ๊ก เดสก์ทอปพีซี ทั้งแบบครบชุดและประกอบเอง (DIY), จอมอนิเตอร์ และอื่น ๆ

คอมมาร์ตปิดท้ายปีคึกคัก

สำหรับโปรโมชั่นมีหลากหลาย ทั้งจากแบรนด์สินค้าและตัวแทนจำหน่าย เช่น เจไอบี, บานาน่าไอที, ไอทีซิตี้ และแอดไวซ์ฯ เป็นต้น มีส่วนลดตั้งแต่ 30-90% พร้อมของแถม เป็นอุปกรณ์เสริมและเกมมิ่งเกียร์ต่าง ๆ ตลอดจนการนำสินค้ารุ่นเก่ามาจัดเคลียแรนซ์เซล

พร้อมโปรแกรมผ่อนชำระสูงสุดถึง 36 เดือน ขึ้นอยู่กับสินค้าแต่ละเเบรนด์ที่เข้าร่วมกับสถาบันการเงินต่าง ๆ เช่น IT City มีโปรแกรมผ่อนชำระกับบริการ Pay Next Extra ของ True Monney หรือสินค้าแอปเปิลมีโปรแกรมเงินผ่อนสำหรับนักศึกษา Ulite

นอกจากนี้ แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต่าง ๆ ยังมีแคมเปญร่วมกับตัวแทนจำหน่าย เช่น Shopee, Lazada และ JD โดยให้สั่งซื้ออุปกรณ์ไอทีผ่านแอปพลิเคชั่น แล้วมารับสินค้าภายในงานจะได้รับส่วนลดสูงสุด 2,500 บาท เป็นต้น

นายบุญเลิศ นราไท ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เออาร์ไอพี จำกัด ผู้จัดงานคอมมาร์ต กล่าวว่า งานคอมมาร์ตส่งท้ายปีครั้งนี้ มีปัจจัยบวกหลายด้าน ทั้งการฟื้นตัวของภาคธุรกิจที่กลับเข้าสู่ปกติ เช่นเดียวกับภาคการผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์ต่าง ๆ จึงเป็นโอกาสของผู้บริโภคที่จะได้เลือกซื้อสินค้าทั้งรุ่นเดิม และรุ่นใหม่ ๆ ในราคาที่เหมาะสม จากแบรนด์ต่าง ๆ

“การเดินในงานทุกคนสัมผัสจับต้องสินค้า ต่อรองราคา และของแถมต่าง ๆ ได้ จึงเชื่อว่าภาพรวมการจัดงานทั้ง 5 วัน จะกลับมาคึกคักขึ้น เราในฐานะผู้จัดมุ่งหวังให้การจัดงานครั้งนี้เป็นเวทีกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในช่วงสุดท้ายของปีนี้”

ตลาดซื้อขายสู่ภาวะปกติ

ด้านนายพรชัย จันทรศุภแสง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อไอทีและการจัดงานบริษัทเดียวกัน เสริมว่า งานครั้งนี้เป็นสัญญาณเริ่มต้นของสถานการณ์สินค้าไอทีที่เข้าสู่ภาวะปกติ มีผู้ผลิตนำสินค้ารุ่นใหม่มาเปิดตัวและทำตลาด เช่น การ์ดจอ GEFORCE RTX 40 ซีรีส์ล่าสุด, Nintendo Switch, GoPro, Playstation 5 และ Nothing Phone สมาร์ทโฟนแบรนด์ล่าสุด เป็นต้น

ซึ่งตนมองว่ากลุ่มสินค้าที่น่าจะทำยอดขายโดดเด่นจะเป็นกลุ่มเกมมิ่ง ทั้งโน้ตบุ๊กและคอมพิวเตอร์ DIY จึงตั้งเป้ายอดขายโดยรวมของทั้งงานไว้ที่ 3,300 ล้านบาท

“สถานการณ์ด้านกำลังซื้อและปัญหาเศรษฐกิจไม่กระทบสินค้าไอทีมากนัก คนที่จะซื้อมีเงินซื้อ แต่จะคิดมากขึ้น พิจารณามากขึ้น การได้เลือกข้อเสนอหลากหลายที่เดียวในงานนี้ ที่แต่ละแบรนด์จัดโปรโมชั่นแข่งกันจึงดีกับผู้ซื้อ”