ChatGPT คืออะไร ทำไมใคร ๆ บอกเป็น AI พลิกโฉมแชตบอต

เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์
ภาพจาก Pixabay

ChatGPT เปิดตัวได้เพียงสัปดาห์กว่า ๆ มีผู้ใช้งานแล้วกว่า 1 ล้านคนทั่วโลก คนวงการเทคโนโลยีเทียบเป็นปรากฏการณ์เหมือนการเปิดตัวไอโฟนครั้งแรกเมื่อปี 2550 พลิกโฉมเทคโนโลยีแชตบอต พร้อมคาดการณ์ว่าจะเขย่า Google ตกบัลลังก์เสิร์ชเอนจิ้น

วันที่ 19 ธันวาคม 2565  สื่อ CNBC ได้เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์แบบโต้ตอบข้อความ (A.I. Chatbot) ชื่อ ChatGPT ที่กำลังโด่งดัง รายงานดังกล่าวหยิบยกแง่มุมของคนในแวดวงเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่มีมุมมองต่อ ChatGPT ทั้งด้านเป็นประโยน์และด้านที่ต้องกังวล

CNBC ได้หยิบยกเรื่องราวของ นายโทเบียส ซวิงแมนน (Tobias Zwingmann) หุ้นส่วนผู้จัดการ RAPYD.AI บริษัทที่ปรึกษาสัญชาติเยอรมันที่ช่วยให้ลูกค้าใช้ประโยชน์จากปัญญาประดิษฐ์ และเขายังสอนหลักสูตรออนไลน์เกี่ยวกับ AI ด้วย

เมื่อเร็ว ๆ นี้ ซวิงแมนน์ ได้สร้างบันทึกสำหรับการสอน/บรรยาย โดยใช้ ChatGPT ซึ่งเป็นแชตบอตใหม่ที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง

ล่าสุด เขาขอให้ ChatGPT อธิบายกลไกและการทำงานของเทคโนโลยีแมชชีนเลิร์นนิงที่รู้จักกันในชื่อ DBSCAN เพราะเขา “ขี้เกียจเขียนสรุปการสอน”

“ผมเข้าไปในเว็บไซต์และพูดว่า โอเค บอกรายละเอียดทีละขั้นตอนว่าอัลกอริทึม DBSCAN ทำงานอย่างไร และมันบอกทีละขั้นตอนแก่ผม หลังจากขัดเกลาและแก้ไขเล็กน้อย เอกสารประกอบการบรรยายใช้งานได้อย่างดี ซึ่งผมใช้เวลาทำเอกสารประมาณ 30 นาที ขณะที่ก่อนหน้านั้นผมใช้เวลาทั้งวัน ผมไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าสิ่งนี้เป็นประโยชน์อย่างมาก” ซวิงแมนน์กล่าว

ChatGPT เปิดตัวเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา และกลายเป็นกระแสไวรัลอย่างรวดเร็ว โดยผู้คนทวีตคำถาม เช่น “NFTs ตายแล้วหรือยัง” หรือให้ “เล่าเรื่องตลกขบขันเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านภาษีของการทำงานทางไกลระหว่างประเทศ” โดยการตอบสนองของ ChatGPT ดูสมเหตุสมผลอยู่บ้าง แต่ไม่เสมอไป

เทคโนโลยีดังกล่าวได้รับการพัฒนาโดย OpenAI ในซานฟรานซิสโก ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยที่นำโดยนายแซม เอาท์แมน (Sam Altman) และได้รับการสนับสนุนจาก Microsoft, Reid Hoffman ผู้ร่วมก่อตั้ง LinkedIn และ Khosla Ventures

โดย ChatGPT จะสร้างข้อความโดยอัตโนมัติตามข้อความที่ผู้ใช้สั่ง และมันจะตอบสนองด้วยรูปแบบที่ล้ำหน้าและสร้างสรรค์กว่าแชตบอตที่เคยทำใน Silicon Valley ทั้งหมด

ในปีนี้เป็นปีที่ไม่ดีนักสำหรับภาคเทคโนโลยี ด้วยการปลดพนักงานจำนวนมาก ราคาหุ้นที่พังยับเยิน และหายนะของคริปโตที่ครอบงำหัวข้อข่าว แต่ ChatGPT เป็นเครื่องเตือนใจว่านวัตกรรมยังคงเกิดขึ้นอยู่

ผู้บริหารด้านเทคโนโลยีและผู้ร่วมทุนด้านเทคโนโลยีมากมายพูดถึงเรื่องนี้บน Twitter บางคนถึงกับเปรียบเทียบกับการเปิดตัว iPhone ของ Apple ในปี 2550

เปิดตัว 5 วัน มีผู้ใช้มากกว่า 1 ล้านคน

โดย 5 วันหลังจากเปิดตัว ChatGPT ที่หุ้นส่วนสำคัญของ OpenAI อย่างนายเอาท์แมน กล่าวว่าเครื่องมือวิจัยการแชต ChatGPT มีผู้ใช้มากกว่า 1 ล้านคนแล้ว

ย้อนกลับไปในปี 2559 ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Facebook, Google และ Microsoft ต่างยกย่องผู้ช่วยดิจิทัล หรือ แชตบอต ว่าเป็นวิวัฒนาการขั้นต่อไปของการโต้ตอบระหว่างมนุษย์และคอมพิวเตอร์ พวกเขาอวดศักยภาพของแชตบอตในการสั่งรถ Uber หรือ ซื้อตั๋วเครื่องบิน และตอบคำถามแบบเหมือนมีชีวิต

6 ปีต่อมา ความคืบหน้าเป็นไปอย่างเชื่องช้า แชตบอตส่วนใหญ่ที่ผู้คนโต้ตอบด้วย สามารถตอบคำถามเบื้องต้นในหน้า Help Desk ขององค์กรได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

จากการที่ผู้คนเข้ามาใช้งาน ChatGPT ที่ผ่านมาไม่นาน แสดงให้เห็นถึงความสามารถของเทคโนโลยีในการดำเนินการสนทนาผ่านข้อความค้นหาต่าง ๆ นอกเหนือจากการสร้างรหัสซอฟต์แวร์ โลกของสิ่งที่เรียกว่าการประมวลผลภาษาตามธรรมชาติดูเหมือนจะเข้าสู่ยุคใหม่

โลกของการประมวลผลภาษาเป็นส่วนหนึ่งของแนวโน้มทางเทคโนโลยีที่เริ่มขยายตัวกว้างใหญ่ขึ้น นักลงทุนด้านเทคโนโลยีกำลังทุ่มเงินหลายพันล้านเหรียญสหรัฐฯ ให้กับบริษัทสตาร์ตอัพที่เชี่ยวชาญในด้าน Generative A.I. ซึ่งหมายถึง คอมพิวเตอร์ที่มีความสามารถในการสร้างข้อความ วิดีโอ ภาพถ่าย และสื่ออื่นๆ โดยอัตโนมัติโดยใช้เทคโนโลยีแมชชีนเลิร์นนิ่งที่ทันสมัย

นายเบรนเดน เบิร์ค (Brendan Burke) นักวิเคราะห์จากบริษัทข้อมูลอุตสาหกรรมเทคโนโลยี PitchBook กล่าวว่านักลงทุนระยะเริ่มต้นจำนวนหนึ่งได้เปลี่ยนความสนใจจากคริปโตเคอร์เรนซีและแนวคิดที่เกี่ยวข้อง เช่น web3 ไปสู่เทคโนโลยี Generative A.I.

จากข้อมูลของ PitchBook บริษัทชั้นนำ ได้แก่ Khosla, David Sacks’ Craft Ventures, Sequoia, Entrepreneur First out of the U.K. และ Lux Capital ซึ่งได้สังเกตเห็นบนแพลตฟอร์มโอเพนซอร์สที่รวมนักพัฒนาแอปพลิเคชั่นทั่วโลกอย่าง GitHub ว่านักพัฒนา web3 จำนวนมากได้เปลี่ยนความสนใจจากโครงการ NFT และ คริปโตเคอร์เรนซีไปสู่โครงการ Generative A.I. แบบโอเพนซอร์ส

“ผมคิดว่านั่นเป็นสัญญาณของการคิดริเริ่มสร้างใหม่บางอย่าง และยังอยู่ในตลาดช่วงเริ่มต้น” นายเบิร์ค กล่าว

ChatGPT คืออะไร?

ChatGPT เป็นรูปแบบหนึ่งของซอฟต์แวร์สร้างภาษา (language-generation software) GPT-3.5 ของ บริษัท OpenAI ซึ่งออกแบบมาเพื่อดำเนินการสนทนากับผู้คน ฟีเจอร์ของมันมีทั้ง การตอบคำถามยาก ๆ การปฏิเสธคำถามที่ไม่เหมาะสม และแม้กระทั่งการยอมรับข้อผิดพลาดจากการตอบ ซึ่งถูกสร้างจากโมเดลภาษาของ OpenAI ที่มีฐานข้อมูลเป็นข้อความจำนวนมหาศาล

นายเบิร์น เอลิออต (Bern Elliot) รองประธานของบริษัทวิจัย Gartner กล่าวว่า ChatGPT เรียนรู้ที่จะจดจำรูปแบบที่ทำให้สามารถสร้างข้อความของตัวเองที่เลียนแบบรูปแบบการเขียนต่างๆ ได้ OpenAI ไม่ได้เปิดเผยว่าข้อมูลใดที่ใช้สำหรับการฝึกอบรม แต่บริษัทกล่าวว่าโดยทั่วไปแล้วจะเป็นการรวบรวมข้อมูลเว็บ ใช้หนังสือที่เก็บถาวรและ Wikipedia

นายเอลิออต กล่าวว่าสำหรับตอนนี้ ChatGPT เป็นช่องทางสำหรับ OpenAI ในการเผยแพร่และแสดงสิ่งที่เป็นไปได้สำหรับ A.I.โมเดลภาษาขนาดใหญ่ แทนที่จะเป็นซอฟต์แวร์ที่มีประโยชน์สำหรับธุรกิจโดยเฉพาะ แม้ว่า ChatGPT จะให้บริการฟรี แต่ระยะต่อไป OpenAI จะขายการเข้าถึงภาษาที่ใช้และโมเดล AI ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ธุรกิจต่างๆ ใช้งาน

การใช้งานที่เฉพาะเจาะจงเริ่มปรากฎให้เห็นแล้ว เช่นกรณีของ นายซวิงแมนน์ ที่ใช้ ChatGPT เพื่องานวัตถุประสงค์ขั้นสูงสำหรับออกแบบการเรียนการสอนของเขา

นอกจากนี้ยังมี นายคาย โกกวิต (Cai GoGwilt) ประธานเจ้าหน้าที่บริการด้านเทคโนโลยี (CTO) ของสตาร์ตอัพด้านการจัดการสัญญาดิจิทัล Ironclad กล่าวว่าบริษัทของเขากำลังสำรวจว่า ChatGPT สามารถนำมาใช้เพื่อทำสรุปการเปลี่ยนแปลงเอกสารทางกฎหมายได้อย่างไร คุณลักษณะนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับลูกค้าทางกฎหมายของสตาร์ตอัพ ซึ่งมักจะแก้ไขเอกสารเป็นประจำและแจ้งให้เพื่อนร่วมงานทราบหลังจากทำการเปลี่ยนแปลงแล้ว

GoGwilt กล่าวว่า ChatGPT ให้การตอบสนองที่ “สร้างสรรค์กว่า” เมื่อเทียบกับรูปแบบภาษาที่คล้ายคลึงกันซึ่งพัฒนาโดยบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ เครื่องมือภาษา AI ของ Meta ที่มีชื่อว่า RoBERTa ดูเหมือนจะมีความสามารถมากกว่าในการจัดหมวดหมู่และติดฉลากข้อความ นอกจากนี้บริษัทของเขาใช้ทั้ง GPT และ RoBERTa เพื่อขับเคลื่อนคุณสมบัติบางอย่างในซอฟต์แวร์เอกสารดิจิทัล

ด้านนางสาวมิน เจิน (Min Chen) รองประธานบริษัท LexisNexis ที่ให้บริการวิจัยทางกฎหมายและข้อมูล กล่าวในอีเมลว่า เธอและทีมของเธอเพิ่งเริ่มทดสอบ ChatGPT แม้ว่าพวกเขาจะใช้ซอฟต์แวร์ GPT-3 ของ OpenAI ผ่าน Azure cloud ของ Microsoft อยู่แล้วก็ตาม

Chen กล่าวว่า GPT-3 เหมาะกับ LexisNexis มากกว่า เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ระดับองค์กรและสามารถปรับแต่งได้ อย่างไรก็ตาม ทีมของเธอกำลังทดลองใช้ ChatGPT และเธอกล่าวว่าบางครั้งมันก็สร้าง “คำตอบที่เหมาะสม ซึ่ง น่าประทับใจมาก” ถึงกระนั้นข้อความที่เจเนอร์เรตขึ้นมาก็ยังมีข้อบกพร่อง

“ฉันเกรงว่ามันไม่น่าเชื่อถือเพียงพอสำหรับเป็นเครื่องมือในการตัดสินใจสำหรับการวิจัยทางกฎหมายอย่างจริงจัง บางกรณี ChatGPT จะให้คำตอบอย่างละเอียดซึ่งดูเหมือนจะสมเหตุสมผล แต่คำตอบนั้นไม่ได้รับข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง”

ChatGPT ยังมีปัญหาที่สุ่มเสี่ยง

นางสาวอาเบบา เบอร์ฮาเน (Abeba Birhane) ผู้เชี่ยวชาญทางวิชาการของ Mozilla แชร์บน Twitter ว่า ChatGPT ได้ผลิตเนื้อเพลงที่บอกเป็นนัยว่าผู้หญิงที่สวมเสื้อโค้ทแล็บนั้น “น่าจะแค่อยู่ที่นั่นเพื่อทำความสะอาดพื้น” ในขณะที่ผู้ชายที่สวมเสื้อกาวน์แล็บ “อาจมีความรู้และทักษะที่คุณต้องการ ”

หรือกล่าวว่า นั่นคือข้อความที่แสดงอคติและเหมารวมทางวัฒนธรรม (Stereotype)

เบอร์ฮาเน กล่าวว่า นี่เป็นข้อจำกัดของ ChatGPT OpenAI เพราะ ในขณะที่บริษัทของเธอกำลังทำงานเพื่อลดปัญหาอคติ แต่ ซอฟต์แวร์บางครั้งจะตอบสนองต่อคำสั่งที่เป็นอันตรายหรือแสดงพฤติกรรมที่มีอคติ

นายเอาท์แมน หุ้นส่วนของ OpenAI กล่าวในทวีตเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ChatGPT นั้น “ยังมีจำกัด และ มันจะเป็นความผิดพลาดหากจะพึ่งพามันในการทำงานสำคัญในตอนนี้”

google
ภาพจาก Pixabay

สะเทือน Google

นางสาวกฤษณา กาเด (Krishna Gade) ซีอีโอของ Fiddler สตาร์ทอัพด้านการตรวจสอบแบบจำลอง AI กล่าวว่า ChatGPT และเทคโนโลยีภาษาที่เกี่ยวข้องอาจนำไปสู่ “ดิสซรัปชั่นในการค้นหาเว็บไซต์” ซึ่งเป็นเสิร์ชเอนจิ้นเป็นพื้นที่ที่ Google ครอบครองมาอย่างยาวนาน

นางสาวกาเด เคยทำงานใน Bing ซึ่งเป็นเสิร์ชเอนจิ้นของ Microsoft กล่าวว่า หากความนิยมของ ChatGPT ยังคงเติบโตพร้อมกับเครื่องมือที่ใช้การแชตอื่นๆ ที่ตอบคำถามผู้ใช้ได้อย่างดี นั่นจะทำให้ Google ต้องอัปเดตเทคโนโลยีการค้นหาหลักของตนให้เน้นที่การแชทมากขึ้น

ความนิยมที่เพิ่มขึ้นของ ChatGPT แสดงให้เห็นว่ามีกลุ่มประชากรที่ต้องการรับข้อมูลผ่านคำถามและคำตอบ ซึ่งตรงข้ามกับข้อความค้นหาทั่วไป Alphabet ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Google มีความสามารถด้าน AI มากมาย และได้ช่วยพัฒนาเทคโนโลยี AI หลักบางส่วนที่ใช้ในการสร้างระบบ เช่น ChatGPT เสิร์ชเอ็นจิ้นยังเป็นนิสัยที่ยากจะกำจัด

อย่างไรก็ตาม นายซวิงแมนน์ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านเอไอ ยังคงกล่าวว่า Google ยังคงมีข้อได้เปรียบที่สำคัญเหนือ ChatGPT เนื่องจาก วิธีการใช้งาน ChatGPT ในปัจจุบันคือผู้คนใช้ค้นหาและถาม ChatGPT แล้ว จากนั้นพวกเขา จะไปที่ Google เพื่อตรวจสอบผลลัพธ์ว่าสิ่งที่ ChatGPT สร้างขึ้นมาถูกต้องน่าเชื่อถือเพียงใด” นายซวิงแมนน์กล่าวพร้อมหัวเราะ