AWS เผยโฟกัสปี 2566 ขยับลูกค้าสู่การมช้งานคลาวด์ขั้นสูง พร้อมอัพเดตการลงทุนตั้งศูนย์กลางข้อมูลระดับภูมิภาค มูลค่า 1.9 แสนล้าน
วันที่ 11 มกราคม 2565 ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” ได้พูดคุยกับ “วัตสัน ถิรภัทรพงศ์” Country Manager ของ AWS ประจำประเทศไทย ที่นอกจากจะทำให้เห็นภาพความเนื้อหอมของไทยในฐานะว่าที่ศูนย์กลางฐานข้อมูลของภูมิภาคเเล้ว ยังช่วยฉายภาพเมกะเทรนด์ในโลกของคลาวดืเทคโนโลยีที่ช่วยเป็นพลังขับเคลื่อนภาคธุรกิจอยู่เบื้องหลัง
- เช็กที่นี่ ออมสิน-ธ.ก.ส. จัดสินเชื่อปิดหนี้นอกระบบ 20,000 บาท ใครกู้ได้บ้าง!
- ราคาทองวันนี้ (21 มี.ค. 67) พุ่งขึ้น 650 บาท ทองรูปพรรณบาทละ 38,000 บาท
- แบงก์กรุงเทพ เตือนลูกค้าวันสุดท้าย อัปเดต iOS-Android ก่อนใช้งานโมบายแบงกิ้งไม่ได้
ช่วงปลายปีที่ผ่านมา อเมซอน เว็บ เซอร์วิส ยักษ์เทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติ้งประกาศลงทุนในไทย 1.9 แสนล้านบาทระยะเวลา 15 ปี สร้างความฮือฮาและเรียกผลงานที่น่าภาคภูมิใจที่ไทยสามารถดึงเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติได้โดยตรงมหาศาลขนาดนี้ และการลงทุนดังกล่าว เรียกว่าไม่ใช่แค่สร้าง “ดาต้าเซนเตอร์” เท่านั้น แต่เป็น Reginal Center (AWS Asia Pacific (Bangkok) Region) ที่มีโซนนิ่งข้อมูล 3 โซน แต่ละโซนแบ่งออกเป็นดาต้าเซนเตอร์อีกมาก
การลงทุนนี้เป็นการสร้างโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์คอมพิวติ้งระดับโลกของประเทศไทยพร้อม 3 Availability Zone ที่เข้าถึงบริการคลาวด์มากกว่า 200 รายการได้เร็วขึ้น พร้อมสร้างการเรียกใช้แอปพลิเคชันและจัดเก็บข้อมูลอย่างปลอดภัย นับเป็นการวางตำแหน่งประเทศไทยให้อยู่ในระดับแนวหน้าของเศรษฐกิจดิจิทัล
เมกะโปรเจกต์นี้จะเกิดไม่ได้หาก อะเมซอน เว็บเซอร์วิส (AWS) มองไม่เห็นศักยภาพของพื้นที่ประเทศไทยที่มีการปรับตัวสู่คลาวด์ (Cloud Adoption) ที่โดดเด่นที่สุด
ศูนย์กลางข้อมูลระดับภูมิภาคต้องมีความพร้อมหลายด้าน
“วัตสัน” เปิดเผยว่า อะเมซอนเว็บเซอร์วิส มีการพิจารณาความพร้อมของพื้นที่ที่จะลงทุนทำศูนย์กลางข้อมุลระดับภูมิภาคด้วยปัจจัยสำคัญได้แก่ 1.การสนับสนุนจากภาครัฐ ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับการดำเนินการต่างๆ เช่น งานเอกสารทางกฎหมาย ซึ่งรัฐบาลไทยให้ความสนใจและสนับสนุนการปรับใช้เทคโนโลยีอย่างดี
2.ความพร้อมของภาคธุรกิจที่ใช้คลาวด์อยู่ระดับไหน ตรงนี้สำคัญมากเพราะธุรกิจในประเทศไทยตื่นตัวกับการใช้งานคลาวด์เทคโนโลยี
“การทำ Cloud Adoption ในธุรกิจไทยตอนนี้ AWS ได้ช่วยให้ผู้คนรู้จักกับคลาวด์เป็นวงกว้างแล้ว ดังนั้นก้าวต่อไปของ AWS ไทยคือการพาลูกค้าก้าวไปสู่การใช้งานระดับแอดวานซ์ที่ใช้เทคโนโลยีระดับสูงขึ้นไม่ว่าจะเป็น AI หรือ Machine Learning”
3.ความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นโทรคมนาคม หรือด้านพลังงานที่มีเพียงพอต่อการตั้งศูนย์ข้อมูล
4.ความพร้อมของคน ส่วนนี้เป็นส่วนที่ AWS ต้องร่วมงานกับหลายฝ่ายเพื่ออบรมและพัฒนาบุคลากรให้มีทักษะในการใช้เทคโนโลยีคลาวด์โดยตั้งเป้าว่าระดับโลกเราจะสามารถสร้างแรงงานคลาวด์ได้ 29 ล้านคน และในภูมิภาคอาเซียนจะมี 7แสนคน ในปี 2025
เมกะเทรนด์ของการเก็บข้อมูลทำให้ต้องมีที่เก็บรักษาที่เพียงพอและปลอดภัย
“วัตสัน” ได้ฉายภาพเทรนด์หลังจากปี 2022 ที่ผ่านไปนี้ คือ การเก็บข้อมูลจะมาจากทุกทิศทางทำให้ยากต่อการวิเคราะห์ (Data/Analytic) และภายใน 5 ปีข้างหน้า ปริมาณข้อมูลดิจิทัลจะเพิ่มขึ้นสองเท่า เมื่อเทียบกับปริมาณข้อมูลที่มนุษย์มีการเก็บจากคอมพิวเตอร์ ดังนั้นเมื่อข้อมูลมีมากขึ้นที่เก็บรักษาต้องมีมากขึ้น และจะต้องนำข้อมูลเหล่านั้นไปเข้าสู่การพัฒนาปัญญาประดิษฐ์-แมชชีนเลิร์นนิ่ง (AI/ML) เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลมหาศาล สิ่งที่ตามมาคือต้องมีระบบบริหารจัดการและระบบรักษาความปลอดภัย (Governace/Security)
โดยในปีที่ผ่านมามีการจัดงาน Re-Invent ซึ่งเราช่วยฉายภาพให้ลูกค้าและผู้สนใจเห็นว่า 5 เทรนด์ต่อไปที่จะเกิดขึ้นในโลกของเทคโนโลยีคลาวด์ล้วนส่งผลให้เราต้องการการเก็บข้อมูลที่ดีขึ้น ปลอดภัยขึ้น ซึ่ง 5 Key Takeaway ได้แก่
1.คลาวด์ จะถูกออกแบบให้เฉพาะเจาะจงกับแต่ละอุตสาหกรรมมากขึ้น ทั้งกีฬาที่มีการนำระบเก็บภาพและวิดีโอมาใช้ หรือการแพทย์ที่จะมีระบบ OMIC ที่ช่วยจัดลำดับจีโนมได้ จากเมื่อก่อนต้องใช้ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ประมวลการเรียงลำดับจีโนม แต่ต่อไปเราสามารถใช้คลาวด์คอมพิวติ้งได้ รวมถึงการออกแบบคลาวด์เพื่อดูแล Supply Chain ให้ธุรกิจต่างๆ นี่คือจุดแข็งเพราะอะเมซอนโตมาจากอีคอมเมิร์ซ เราสามารถทำระบบสำเร็จรูปให้ลูกค้าใช้ได้เลย
2.การเข้าสู่โลกจำลอง หรือ Digital Twin ที่ภาคอุตสาหกรรมสามารถทำการทดลองผ่านระบบดิจิทัลทวินได้โดยไม่ต้องทำจริง ซึ่งการเก็บข้อมูลเพื่อใช้ทำจะต้องใช้พื้นที่มหาศาล
3.ทำลายการเก็บข้อมูลแบบไซโล ที่กระจายไปอยู่หลายพื้นที่ทำให้เกิดความล่าช้าและยากลำบากในการเรียกใช้ ต่อไปจะต้องสามารถเรียกใช้ข้อมูลเรียลไทม์
4.ข้อมูลมากขึ้น ความปลอดภัยซับซ้อนขึ้น สิ่งที่ต้องทำคือเรื่องการบริหารจัดการและความปลอดภัย เช่น เราทำ Data Zoning เพื่อแยกอำนาจหน้าที่ผู้เรียกข้อมูล ตัวอย่างเช่นหมอเรียกดูข้อมูลได้หมดแต่บางคนเรียกดูข้อมูลได้บางคอลัมน์
5.การทำคลาวด์แบบเฉพาะ คือ การทำชิปผลของ AWS เอง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย ทำให้ชิปประมวลผลตามตลาดอย่างของ Intel และ AMD ไม่ตอบโจทย์ ขาดตลาดและราคาแพง ทำให้เราต้องลงทุนสร้างชิป Gravitron เองซึ่งถูกกว่า ตอบโจทย์กว่า ประหยัดพลังงานกว่า ทำให้ต้นทุนของลูกค้าที่ใช้คลาาวด์เราลดลงด้วย
แผนการสำหรับประเทศไทยในปี 2023
“วัตสัน” กล่าวว่า สำหรับประเทศไทยองค์กรต่างๆ ตื่นตัวกับการทำทรานส์ฟอร์เมชั่นไปสู่คลาวด์มาก ข้อมูลจากการ์ดเนอร์ บอกว่าอัตราการไปสู่คลาวด์ของไทยโต 32% ขณะที่ทั่วโลกโต 30% หมายความว่าเราโตกว่าค่าเฉลี่ยของโลก
แผนการโฟกัสของ AWS ในภาพรวมคือการ ขยับกลุ่มธุรกิจจำนวนมากที่เป็นลูกค้าให้เข้าสู่การใช้งานคลาวด์ Wave 2 คือการใช้คลาวด์สมัยใหม่ที่แอดวานซ์ขึ้น อย่างการใช้งาน AI/ML
ในด้านการโฟกัสเชิงลึกหรือแนวดิ่ง จะมุ่งการสนับสนุนการให้บริการโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ระดับโลกแก่สถาบันการเงินและบริการต่างๆ ที่พวกเขาต้องการเพื่อสร้างความแตกต่างและปรับตัว โดยในประเทศไทยจะมีการมุ่งเน้นการสนบัสนุน 3 อุตสาหกรรม
1.การเงินและประกันภัย “ไม่ใช่แค่ธนาคาร ที่เริ่มพูดคุยเรื่องการปรับ Core Banking ได้อย่างสะดวกเพราะศูนย์ข้อมูลของเรามีการตั้งที่ไทยแล้ว เรายังเห็นว่ากลุ่มบริการทางการเงินทางดิจิทัลจำนวนมากได้รับความนิยมและเติบโตขึ้นล้วนต้องการโครงสร้างพื้นฐานและเครื่องมือในการพัฒนาบริการ”
2. ค้าปลีก โดยเฉพาะในด้านการจัดการห่วงโซ่อุปทาน AWS มีจุดแข็งจากการเติบโตจากการเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ทำให้เรามีระบบพร้อมใช้ หรือ Redy Made ให้ลูกค้า
3. กลุ่มโรงงาน ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ชัดเจนว่าระบบดิจิทัลทวินจะมีส่วนสำคัญในการวางแผนและควบคุมการปฏิบัติงานในโรงงาน
นอกจากนี้ ยังมีแผนการที่จะร่วมกับภาครัฐ และภาคการศึกษาที่จะต้องจัดหาหลักสูตรเพื่อพัฒนาคนให้รองรับงานที่ใช้ทักษะคลาวด์ ซึ่งเป็นทักษะใหม่ที่ไม่อาจใช้ทักษะทางคอมพิวเตอร์แบบเดิมได้ ทั้งยังต้องมีกำลังคนเพื่อรองรับศูนย์กลางข้อมูลภูมิภาคแห่งใหม่ที่จะเกิดด้วย
ตั้งเป้าใช้พลังงานหมุนเวียน 100%
ด้วยศูนย์กลางข้อมูลแห่งใหม่นี้เป็นเมกะโปรเจกต์ ที่ต้องการพื้นที่ที่มีพลังงานมาก นอกจากนี้ยังต้องตั้งอยู่ในพื้นที่ที่สามารถเชื่อมต่อกับอุตสาหกรรมในอีอีซีได้ มีความหน่วงต่ำสำหรับงานอุตสาหกรรม และยังต้องตั้งอยู่ในที่ที่สามารถเชื่อต่อการสายเคเบิลรับส่งข้อมูลที่ต่อไปยังส่วนอื่นของโลกได้ ที่สำคัญต้องเป็นความลับเพื่อรักษาความปลอดภัยของพื้นที่ข้อมูล
“วัตสัน” กล่าวว AWS มีคำมั่นสัญญาที่จะลดการปลดปล่อนคาร์บอน ด้วยการปรับกระบวนการหล่อเย็นและใช้พลังงานให้เป็นลักษณะ Renewable 100% ในปี 2025 ซึ่งคาดว่าจะสามารถทำได้ทันทีที่ศูนย์กลางข้อมูลแห่งใหม่เปิดใช้งาน