วิกฤต Silicon Valley Bank ล้ม ลามบริษัทเทคโนโลยีสตาร์ตอัพ เงินเก็บอาจสูญ หวั่นกระทบการใช้จ่าย ไม่มีเงินจ่ายแม้กระทั่งพนักงาน
วันที่ 12 มีนาคม 2566 บลูมเบิร์ก รายงานว่า ผู้ก่อตั้งสตาร์ตอัพเริ่มกังวลว่าจะไม่สามารถจ่ายเงินให้พนักงานได้ สืบเนื่องจากการประกาศยุติกิจการของ Silicon Valley Bank (SVB) ซึ่งเป็นสถาบันที่รับฝากเงินของกองทุน Venture Capital และบริษัทเทคโนโลยีสตาร์ตอัพจำนวนมากในสหรัฐอเมริกา
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
Rippling บริษัทผู้ให้บริการธุรกรรมบัญชีเงินเดือนพนักงานให้บริษัทสตาร์ตอัพต่าง ๆ ได้แจ้งให้ลูกค้าทราบเมื่อวันศุกร์ว่า การประมวลผลในการทำธุรกรรมบางอย่างหยุดชะงักลง เนื่องจากเบื้องหลังนั้นมี SVB ช่วยจัดการด้านการชำระเงินให้ แม้ Rippling จะพยายามเปลี่ยนไปใช้ระบบของธนาคาร JPMorgan Chase แล้ว แต่ยังเร็วไม่พอ
“Paychecks อยู่ในระหว่างดำเนินการกับ SVB ซึ่งยังไม่ได้ชำระเงิน และบริษัทยังคงพยายามทำความเข้าใจว่าการล่มสลายของธนาคาร SVB ในวันศุกร์จะมีความหมายอย่างไรสำหรับพวกเขา” นายปาร์กเกอร์ คอนราด ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Rippling กล่าวผ่าน Twitter
นายแบรด ฮากรีฟส์ ผู้ก่อตั้งสตาร์ตอัพแห่งหนึ่งกล่าวว่า บางบริษัทอาจไม่สามารถจ่ายเงินเดือนได้ในสัปดาห์หน้า
“คาดว่าจะมีการเลิกจ้างจำนวนมากในวันพรุ่งนี้ หรืออย่างช้าที่สุดในวันจันทร์”
ขณะที่นางสาวสาริกา บาจาจ ซีอีโอของ Refiberd สตาร์ตอัพด้านเทคโนโลยีหุ่นยนต์กล่าวว่า เธอเป็นลูกค้าของ Silicon Valley Bank เป็นเวลาสามปีและเก็บเงินส่วนใหญ่ของบริษัทไว้ที่สาขา Sand Hill Road ของ SVB ในแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา บริษัทพยายามถอนเงินแต่ทำไม่ได้ และเริ่มกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับบัญชีเงินเดือนของเธอและสมาชิกในทีมสองคนของเธอ
ด้านนายเกร็ก มาร์ติน ผู้ก่อตั้งบริษัทการลงทุน Liquid Stock กล่าวว่า ตนมั่นใจว่ามีผู้คนมากมายได้รับผลกระทบ บริษัทเทคโนโลยีมากกว่าครึ่งเก็บเงินสดบางส่วนไว้ที่ SVB และทั้งหมดต้องทำบัญชีเงินเดือนในต้นสัปดาห์หน้า แม้เขาเชื่อว่าธนาคารมีสุขภาพทางการเงินดี แต่ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด “คนหลายหมื่นคน” จะไม่ได้รับค่าจ้างในสัปดาห์หน้า
ผู้จัดการกองทุนวีซี (Venture Capitalist) หลายรายเร่งจัดตั้งกองทุนเงินสดชั่วคราวเพื่อช่วยสตาร์ตอัพที่ได้รับผลกระทบทำบัญชีเงินเดือนในสัปดาห์หน้า
วานนี้ (11 มี.ค. 2566) กองทุน Liquidity Capital MC Ltd. ได้เสนอเงินทุนช่วยเหลือผ่าน LinkedIn สำหรับสตาร์ตอัพที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตนี้ เป็นเงิน 20% ของเงินฝากใน SVB ภายใน 24 ชม.
ซีอีโอหลายบริษัทมีเงินทุนติดอยู่ที่ Silicon Valley Bank กำลังวางแผนที่จะใช้เงินส่วนตัว เพื่อชดเชยเงินเดือนของพนักงาน ท่ามกลางข้อจำกัดด้านการจ่ายเงินเดือนที่เกิดจากความล้มเหลวของธนาคาร
สตาร์ตอัพอย่างน้อยหนึ่งรายกำลังวางแผนที่จะปลดพนักงานในวันศุกร์ แต่เมื่อเกิดวิกฤตธนาคาร SVB ล่ม ทำให้แผนการปลดพนักงานสะดุด เพราะเงินทุนที่จะจ่ายค่าชดเชยพนักงานติดอยู่ใน SVB
ในทางกลับกัน สตาร์ตอัพรายอื่นเพิ่งเริ่มพิจารณาปลดพนักงาน เพราะการมีพนักงานโดยไม่มีการจ่ายค่าจ้างก็ผิดกฎหมาย นอกจากนี้ การขอให้พนักงาน “พักงาน” ก็เป็นทางเลือกที่หลายรายพิจารณา เนื่องจากเป็นวิธีที่มีศักยภาพในการดึงพนักงานกลับมาใช้บัญชีเงินเดือนเดิมเมื่อได้รับเงินคืนจาก SVB
ยามเช้าของวานนี้ ที่สำนักงาน SVB บนถนน Sand Hill อันโด่งดังของ Silicon Valley ยังคงมีลูกค้าหลั่งไหลมาอย่างต่อเนื่อง แม้สำนักงานจะปิดไปแล้ว ลูกค้าที่มาอยู่ที่นั่นหลายคนเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทสตาร์ตอัพที่ฝากเงินส่วนใหญ่ของบริษัทไว้กับ SVB
พวกเขาเคาะประตูกระจกที่ปิดล็อกของสำนักงานธนาคารและรออย่างอดทนเพื่อให้มีคนมา ในบางครั้งตัวแทนของหน่วยงานประกันเงินฝากของรัฐบาลกลาง (FDIC-Federal Deposit Insurance Corporation) จะออกมาจากสำนักงาน และพูดคุยกับลูกค้าเป็นการส่วนตัวทั้งแบบกลุ่มเล็กหรือแบบตัวต่อตัว
ลูกค้าหลายคนรู้สึกผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งสตาร์ตอัพด้านเทคโนโลยีโดรนกล่าวว่า เธอพยายามถอนเงินตั้งแต่วันพฤหัสบดีแต่ยังคงไม่สำเร็จ และเธอกังวลเกี่ยวกับการจ่ายเงินเดือนให้กับพนักงานประจำ 12 คนของเธอ เธอพยายาม โทร.หา FDIC หลายครั้ง
“เบอร์นั้นไม่รับสาย” เธอกล่าว
ตามเงื่อนไขการประกันเงินฝากของ FDIC จะประกันผู้ที่ฝากไม่เกิน 250,000 เหรียญสหรัฐ ทว่าบัญชีเงินฝากกว่า 96% ของธนาคาร SVB เป็นบัญชีที่มีเงินฝากเกิน 250,000 เหรียญสหรัฐ
