อินเวสทรี ผนึกกำลัง ที โบรคเกอร์ ขยายฐานลูกค้ากลุ่ม SMEs มุ่งเสริมสภาพคล่อง ป้องกันความเสี่ยง เพิ่มโอกาสรายย่อยเข้าถึงแหล่งเงินทุน ท่ามกลางสถานการณ์อัตราดอกเบี้ยขาขึ้น และการปล่อยสินเชื่อภาคธุรกิจตึงตัว คนต้องการเงินหมุนแต่แบงก์เข้มงวดขึ้น
วันที่ 29 มิถุนายน 2566 นางสาวณัทสุดา พุกกะณะสุต ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร บริษัท อินเวสทรี ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมแนวโน้มสินเชื่อภาคธุรกิจในประเทศไทย อยู่ในภาวะตึงตัว โดยภาคธุรกิจยังมีแนวโน้มความต้องการสินเชื่อเพิ่มขึ้น ขณะที่แบงก์ไม่อยากปล่อย หรือการให้สินเชื่อของสถาบันการเงินมีความเข้มงวดขึ้น
ทั้งต้นทุนการกู้ยืมที่เพิ่มขึ้นจากการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทยรวม 6 ครั้ง ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจ โดยเฉพาะ SMEs ที่ต้องการสินเชื่อเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน และการลงทุนในการผลิตสินค้าที่สอดคล้องกับเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัวจากการกลับมาของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
นับแต่ได้ใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. Investree Funding Portal ได้ระดมทุนออกหุ้นกู้คราวด์ฟันดิงให้ SMEs ไปแล้ว 81 ราย คิดเป็นมูลค่าการออกหุ้นกู้กว่า 1,500 ล้านบาท โดยในปี 2565 มูลค่าการระดมทุนให้ SMEs โตขึ้นสามเท่าตัวเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และสำหรับช่วงไตรมาสแรกปี 2566 บริษัทมีอัตราการเติบโตเกือบสามเท่า เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน บริษัทยังมุ่งขยายเครือข่ายพันธมิตรทั้งฝั่งนักลงทุนและฝั่งผู้ประกอบการ เพื่อเพิ่มโอกาสให้กับ SMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น
นางสาวณัทสุดากล่าวด้วยว่า ในการดำเนินเป็นตัวกลางระดมหุ้นกู้คราวด์ฟันดิงตลอดทั้งปีที่ผ่านมาจนถึงปีนี้ เริ่มเห็นสัญญาณที่ไม่ค่อยดีนักในธุรกิจก่อสร้างหรือผู้รับเหมา
“ปีนี้น่ากลัวกว่าช่วงโควิด-19 ตอนนั้นคนต้องการเงิน แต่ก็สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้ ปีนี้ภาคธุรกิจรายย่อยก็ยังต้องการเงินหมุนเวียนทำธุรกิจหลังโควิด แต่แบงก์เริ่มไม่อยากปล่อยกู้แล้ว เราเจอปัญหาในเซ็กเมนต์ผู้รับเหมาก่อสร้างที่เริ่มส่งสัญญาณการชำระหนี้ที่ช้าขึ้น และมีความถี่ในการชำระช้ามากขึ้น แม้การท่องเที่ยวบริการของเราจะกลับมา แต่ภาคการผลิตยังหดตัว
“โดยเฉพาะ SMEs ต้องการสินเชื่อมากขึ้นเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน ขณะที่อุตสาหกรรมในภาคผลิต การส่งออกชะลอตัวตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจไทยต้องพึ่งพาการบริโภคในประเทศเป็นหลัก แต่ปัญหาคือภาคธุรกิจ โดยเฉพาะรายย่อยมีปัญหาสภาพคล่องที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง”
“อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้างก็เป็นโอกาสของเรา ในเมื่อสถาบันทางการเงินขนาดใหญ่เขาปล่อยสินเชื่อให้ยากขึ้น เราใช้ช่องว่างนี้ช่วยเขาระดมทุนหาคนที่อยากจะให้เงินทุนได้ โดยเรามีวิธีการจัดการความเสี่ยงที่ดีที่สุดคือการช่วยผู้รับเหมาที่มีโครงการกับบริษัทใหญ่ซึ่งเป็นพาร์ตเนอร์เราอยู่แล้ว เช่น มีผู้รับเหมากำลังมีโปรเจ็กต์ก่อสร้างให้กับบริษัทเซ็นทรัลพัฒนา เราก็จะรู้ว่าเขาจะได้เงินภายในกี่เดือน และหากเขาต้องการเงินทุนหมุนเวียนก่อนเราจะไปเสนอให้ระดมทุนผ่านแพลตฟอร์มเรา และนักลงทุนก็จะเห็นว่าไม่มีความเสี่ยง ทำให้ NPL ของเราในขณะนี้เป็น 0 ขณะที่ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 11.5%/ปี”
ตั้งแต่ 1 ม.ค.-30 เม.ย. 2566 มีการระดมทุนคราวด์ฟันดิงบนแพลตฟอร์ม อินเวสทรี จำนวน 429 บริษัท มูลค่ารวม 2.1 พันล้านบาท มียอดสะสมรวมทั้งสิ้น 831 ราย มูลค่า 7.7 พันล้านบาท ยอดการระดมทุนของบริษัท-เอสเอ็มอีมีตั้งแต่ 58,000-58,000,000 บาท เฉลี่ยแล้วอยู่ที่รายละ 2,000,000 บาท โดยอินเวสทรีมีส่วนแบ่งตลาดแพลตฟอร์มคราวด์ฟันดิง 20% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีส่วนแบ่งตลาด 16%
โดยมีนักลงทุนบนแพลตฟอร์มทั้งสิ้น 610 ราย และมีรายใหญ่ถึงใหญ่มาก (ไม่จำกัดวงเงินในการลงทุน) ราว 10% ที่เหลือเป็นรายย่อย โดยมูลค่าการลงทุนขั้นต่ำอยู่ที่ 50,000-1,000,000 บาท อัตราเฉลี่ยของผลตอบแทนการลงทุนที่ได้รับคือ 11.5% ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะต้องขยับสัดส่วนนักลงทุนรายใหญ่-ใหญ่มากให้ได้ 50-50 กับรายย่อย เพื่อขยายกรอบวงเงินการระดมหุ้นกู้
จับมือโบรกเกอร์แบงก์เจาะลูกค้าองค์กร
นายวรกร สิริจินดา ผู้ร่วมก่อตั้งและ ประธานกรรมการฝ่ายปฏิบัติการ กล่าวว่า อินเวสทรี ได้ร่วมมือกับบริษัท ที โบรคเกอร์ จำกัด กลุ่มธุรกิจการเงินในเครือบริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) เปิดโอกาสให้ SMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุนผ่านการระดมทุนคราวด์ฟันดิง เสริมสภาพคล่องและลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ เราต้องการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการที่เป็นลูกค้าของอินเวสทรีและที โบรคเกอร์มีโอกาสเดินหน้าต่อยอดธุรกิจแม้ในภาวะสินเชื่อตึงตัว
ด้านนางสาวสุวิมล บุนนาค ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ที โบรคเกอร์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทอยู่ในกลุ่มธนชาต ซึ่งมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจการเงินมายาวนาน มีประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจนายหน้าการจัดหาผลิตภัณฑ์ และบริการทางการเงินต่าง ๆ ที่หลากหลาย อาทิ ประกันวินาศภัย ประกันชีวิต สินเชื่อ และผลิตภัณฑ์เพื่อการลงทุนต่าง ๆ ที่เหมาะสม และตรงตามความต้องการของลูกค้าแต่ละราย ผ่านการแนะนำและดูแลโดยทีมงานเครือข่าย T-Advisor ของบริษัท ปัจจุบันมีจำนวนมากกว่า 5,000 คน
“สำหรับการจับมือกับ อินเวสทรี ในครั้งนี้เป็นโอกาสของบริษัทฯในการขยายฐานการทำธุรกิจจากกลุ่มลูกค้าบุคคล (Personal Line) ไปสู่ลูกค้ากลุ่มธุรกิจ (Corporate Line)โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและรายย่อย (SMEs) ได้เพิ่มขึ้น โดยบริษัทจะทำหน้าที่เป็นผู้แนะนำลูกค้าที่ปกติใช้สินเชื่อให้รู้จักแหล่งเงินทุนใหม่ผ่านการออกหุ้นกู้คราวด์ฟันดิงกับ อินเวสทรี เพื่อดำเนินการต่อในขั้นตอนการพิจารณาอนุมัติและกระบวนการออกหุ้นกู้กับลูกค้าโดยตรง”
ด้านนางสาวชนิตา ขยันตรวจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที โบรคเกอร์ จำกัด กล่าวเสริมว่า “T Broker สามารถขยายฐานลูกค้ากลุ่มธุรกิจได้กว้างขึ้นจากการมีผลิตภัณฑ์นำร่องในการเสนอให้กับลูกค้าที่ใช้สินเชื่ออยู่แล้ว รวมทั้งสามารถต่อยอด เติมเต็มความต้องการด้านเงินทุนให้กับลูกค้ากลุ่มธุรกิจเดิมที่ใช้บริการผลิตภัณฑ์ประกันภัยกับบริษัทอยู่แล้ว การร่วมมือกับอินเวสทรี ครั้งนี้ จะทำให้ลูกค้าได้รับบริการที่ครอบคลุม และตอบโจทย์ความต้องการยิ่งขึ้น”
“สำหรับแนวโน้มธุรกิจ SMEs ช่วงครึ่งปีหลัง มีหลายธุรกิจกลับมาฟื้นตัว โดยเฉพาะธุรกิจที่ได้รับอานิสงส์จากการเปิดประเทศ และการกลับมาของนักท่องเที่ยว ขณะเดียวกันแนวโน้มเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังยังมีความไม่ชัดเจนจากนโยบายและการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ขณะที่ผู้ประกอบการต้องเผชิญกับภาวะต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น ที่อาจส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ SMEs เป็นโจทย์ใหญ่ที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ไข” นางสาวณัทสุดา กล่าวและสรุปว่า
“เรามุ่งมั่นที่จะเป็นแหล่งเงินทุนทางเลือกให้กับ SMEs ที่จดทะเบียนนิติบุคคล แต่เรายืนเดี่ยวไม่ได้ หากสภาพคล่องจากท่อน้ำใหญ่ เช่น ระบบธนาคารพาณิชย์ขัดข้อง ในขณะที่ตลาดสินเชื่อและการขอออกหู้นกู้ SMEs มีดีมานด์สูงเช่นเดียวกันกับระดับความเสี่ยงด้านการเงินสูง เราเองก็ต้องคัดกรองผู้ออกหุ้นกู้ที่มีศักยภาพด้วยเช่นกัน”
อินเวสทรี (Investree) เป็น Fintech Startup ที่มีจุดเริ่มต้นในประเทศอินโดนีเซีย เปิดตัวเมื่อปี 2015 ก่อนจะขยายธุรกิจไปประเทศฟิลิปปินส์และประเทศไทย อินเวสทรีเป็นผู้ให้บริการ Peer-to-Peer Lending Platform (P2P)
โดยมีหน้าที่หลักคือวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือทางการเงินของผู้ขอกู้และบริหารจัดการการกู้ยืมตั้งแต่การทำสัญญาไปจนถึงการชำระคืนเงินกู้ ล่าสุด บริษัท อินเวสทรี อินโดนีเซีย ประสบความสำเร็จจากการระดมทุน ระดับซีรีส์ ซี (Series C) จำนวน 23.5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 753 ล้านบาท จากกลุ่มนักลงทุนสถาบันชั้นนำของญี่ปุ่นและอินโดนีเซีย เอ็มยูไอพี (MUIP) ของ บริษัท มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชี่ยล กรุ๊ป (Mitsubishi UFJ Financial Group, Inc.-MUFG) และ บีอาร์ไอ เวนเจอร์ (BRI Ventures)
อินเวสทรี ประเทศไทย เปิดตัวในปี 2561 และได้รับอนุญาตให้บริการระบบ Funding Portal หรือคราวด์ฟันดิง สำหรับ SMEs จาก ก.ล.ต. ในเดือน กุมภาพันธ์ 2564