รื้อคดี Binance ฟอกเงิน CZ ลาออกซีอีโอ Binance ยอมรับข้อผิดพลาด กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ สั่งปรับ 1.5แสนล้านบาท กูรูมองผลกระทบเชิงบวกต่ออุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซี
วันที่ 23 พฤศจิกายน 2566 ความโกลาหลเกิดขึ้นในตลาดคริปโตเคอร์เรนซีอีกครั้ง เมื่อ “ฉางเผิง จ้าว” ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Binance ศูนย์ซื้อขายคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลก ลาออก ยอมรับความผิดพลาดต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับ Binance โดยเฉพาะ การไม่สามารถสกัดกั้นการ “ฟอกเงิน” ที่เกิดขึ้นได้ รวมถึงไม่ทำตามเงื่อนไขกำกับดูแลต่างๆ จึงโดนกระทรวงยุติธรรมสหรัฐสั่งปรับอีกราว 1.5 แสนล้านบาท เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา
- เงินอุดหนุนนักเรียน 2567 ช่วยค่าชุด-หนังสือเรียน อนุบาล-ปวช. ได้เท่าไร
- พนักงานถูกไล่ออก เพราะพากันหนีไฟไหม้ ที่มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินอล
- บ้าน-รถกู้ไม่ผ่านพุ่งกระฉูด หนี้ครัวเรือนท่วม-แบงก์ผวา NPL
เหตุการณ์เกิดผลลุกลาม นักเทรดคริปโตเคอร์เรนซีแห่ถอนเงินอกจาก Binance อย่างต่อเนื่อง เฉียด 1พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในช่วง 24 ชม. ฉุดราคาสินทรัพย์ดิจิทัลสำคัญอย่าง BNB
ซึ่งเป็นเหรียญประจำบล็อกเชน Binance ร่วง 16% จาก 271 เป็น 225 เหรียญสหรัฐ แม้กระทั่ง Bitcoin ซึ่งกำลังทรงตัวในระดับราคา 37,000 เหรียญสหรัฐฯ หลุดร่วงลงมาที่ 35,000 เหรียญสหรัฐฯ ชั่วขณะ ก่อนที่จะมีการตั้ง “ริชาร์ด เติ้ง” เป็นซีอีโอใหม่ แลละรดับราคาสินทรัพย์ดิจิทัลเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 24 ชม. ต่อมา
ย้อนรอย Binance ถูกกล่าวหาเป็นแหล่งฟอกเงิน-ขายหลักทรัพย์ผิดกฎหมาย
ในช่วงปีทองของตลาดคริปโต ปี 2020-2022 เรียกได้ว่า Binance ท้าทายผู้กำกับดูแลของหน่วยงานรัฐทั่วโลก โดยชูจุดเด่นเรื่องการกระจายอำนาจในการบริหารงานทั่วโลกทำให้กฎระเบียบมักจะตามไม่ทัน รวมถึงในไทยเอง ก็บีบบังคับได้เพียงให้ Binance ถอดภาษาไทยออกจากเว็บเท่านั้น
ก่อนหน้านั้น สำนักงานอัยการแห่งซีแอตเทิล ได้เริ่มสอบสวน Binance ตั้งแต่ปี 2018 จากข้อกล่าวหาว่าเป็นแหล่งฟอกเงิน แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้านอกจากการตั้งข้อสังเกต
จนกระทั่งในช่วง ปี 2020 มีรายงานว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ได้ขอเข้ามาตรวจสอบเอกสาร และการดำเนินงานของ Binance อีกครั้ง ข้อกล่าวหาที่อยู่ระหว่างการสอบสวน ได้แก่ การส่งเงินโดยไม่ได้รับอนุญาต การสมรู้ร่วมคิดฟอกเงิน และการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรทางอาญา
Reuters ได้ตรวจสอบรายงานการปฏิบัติตามอาชญากรรมทางการเงินของ Binance ในช่วงปี 2022 รายงานดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า Binance มีการควบคุมการต่อต้านการฟอกเงินที่อ่อนแอ ประมวลผลการชำระเงินมากกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สำหรับอาชญากรและบริษัทที่ต้องการหลบเลี่ยงการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ และวางแผนที่จะหลบเลี่ยงหน่วยงานกำกับดูแลในสหรัฐ รัฐและที่อื่นๆ
ในช่วง เดือนมีนาคม 2023 คณะกรรมการกำกับการค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้า (Commodity Futures Trading Commission-CFTC) ของสหรัฐ ได้ฟ้อง Binance ว่า Binance ว่าให้บริการตลาดซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีให้กับชาวสหรัฐฯ อย่าง “ผิดกฎหมาย” และยังมีการกระทำอีกหลายอย่างที่หลีกเลี่ยงกฎหมายสหรัฐฯ โดยเจตนา ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นการปราบปรามจากหน่วยงานของสหรัฐฯ ต่อ Binance ที่มี Changpeng Zhao (CZ) CEO ของ Binance ณ ขณะนั้นตกเป็นผู้ต้องหา
นอกจากนี้ ยังมีคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) ยื่นฟ้องทั้งบริษัท และนายฉางเผิง จ้าว ต่อศาลวอชิงตันจำนวน 13 ข้อหา เช่น Binance เพิ่มปริมาณการซื้อขายเทียม มีการโยกย้ายเงินลูกค้าโดยมิชอบ การไม่สามารถจำกัดการเข้าถึงบริการบนแพลตฟอร์มของลูกค้าที่เป็นประชากรสหรัฐ สร้างความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการกำกับดูแลการซื้อขายบนแพลตฟอร์ม ตลอดจนมีการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียน
นอกจากนี้ SEC ยังระบุว่า Binance ได้ควบคุมสินทรัพย์ลูกค้าแล้วโยกย้ายสินทรัพย์เหล่านั้นผสมกับสินทรัพย์จากแหล่งอื่น ๆ เพื่อให้ติดตามรอยได้ยาก และยังได้สร้างบริษัทแยกต่างขึ้นมา เพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมายหลักทรัพย์ของรัฐบาลกลางสหรัฐ
บทสรุป ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมคริปโต
“ความไม่แน่นอนต่างๆ เกี่ยวกับ Binance จะลดลง และศูนย์ซื้อขายและธุรกิจบล็อกเชนของ BNB จะได้รับประโยชน์ และยังช่วยขจัดความเสี่ยงเชิงระบบที่อาจเกิดขึ้นจากการล่มสลายของ Binance”
หลังจากสารภาพผิด “ฉางเผิง จ้าว” ได้รับการปล่อยตัว จากการควบคุมตัวด้วยพันธบัตรมูลค่า 175 ล้านเหรียญ เขาต้องเผชิญกับโทษจำคุกสูงสุด 18 เดือน และการพิจารณาพิพากษาลงโทษของเขามีกำหนดในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2024
“Binance จะไม่เป็นอะไร แม้จะต้องรับมือกับความเจ็บปวด แต่จะรอด เราจะผ่านมันไปได้ แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างบางอย่าง มันอาจไม่เลวร้ายหากมองย้อนกลับไปในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า”