ทรู แจงปม ศาลปกครองสูงสุด กลับคำรับฟ้อง ไม่กระทบดีลควบรวม

ทรู ชี้แจง กรณีศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งให้กลับคำสั่งศาลปกครองชั้นต้นที่ไม่รับคำร้องผู้บริโภค 5 ราย ยื่นฟ้องมติ กสทช. “รับทราบ” การควบรวม “ทรูดีแทค” และจำหน่ายคดีจากสารบบ และให้รับคดีไว้พิจารณาใหม่ ทรูมั่นใจไม่มีผลกระทบหลังควบรวมสมบูรณ์ตามกฎหมาย

วันที่ 25 มีนาคม 2567 รายงานจาก บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า มีการนำเสนอข่าวว่าศาลปกครองสูงสุดรับคำฟ้องกรณีผู้บริโภค 5 รายขอเพิกถอนมติบอร์ด กสทช. รับทราบการรวมธุรกิจ TRUE-DTAC นั้น บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

บริษัทขอเรียนชี้แจงว่า คดีนี้เป็นเรื่องเดิมที่ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา โดยมีคำสั่งให้ศาลปกครองชั้นต้นรับคำฟ้องกรณีพิพาทระหว่างผู้บริโภค 5 ราย (ผู้ฟ้องคดี) กับ กสทช. (ผู้ถูกฟ้องคดี) ซึ่งคำสั่งศาลปกครองสูงสุดดังกล่าวเป็นเพียงการสั่งให้ศาลปกครองชั้นต้นรับคำฟ้องข้างต้นของผู้บริโภคดังกล่าวไว้พิจารณาต่อไปตามรูปคดีเท่านั้น

บริษัทขอชี้แจงว่า การฟ้องคดีดังกล่าวเป็นข้อพิพาทระหว่างผู้บริโภค 5 ราย  (ผู้ฟ้องคดี) กับ กสทช. (ผู้ถูกฟ้องคดี) ซึ่งมั่นใจว่าไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจใด ๆ ของบริษัท ซึ่งการควบรวมระหว่างทรูดีแทคได้เสร็จสิ้นโดยสมบูรณ์แล้ว และเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และเหมือนกับกระบวนการควบรวมธุรกิจที่ผ่านมาของบริษัทมหาชนซึ่งประกอบธุรกิจโทรคมนาคม

ทั้งนี้ คดีที่ผู้บริโภค 5 ราย ได้ยื่นฟ้อง กสทช.ดังกล่าวเป็นคดีที่มีประเด็นเดียวกันกับคดีที่ศาลปกครองชั้นต้นได้เคยมีคำสั่งยกคำขอคุ้มครองชั่วคราวโดยศาลเห็นว่า มติรับทราบการควบรวมบริษัทของ กสทช. ได้อาศัยอำนาจตามที่กฎหมายกำหนดไว้แล้ว จีงไม่มีเหตุรับฟังได้ว่ามติรับทราบการควบรวมธุรกิจของ กสทช.ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

รายงานก่อนหน้านี้มีการเผยแพร่คำสั่งศาลปกครองสูงสุด ซึ่งลงวันที่ 19 มกราคม 2567 และเผยแพร่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 ระบุว่า ศาลปกครองสูงสุด ได้มีการกลับคำสั่งศาลปกครองชั้นต้น ให้รับคำฟ้องของประชาชน ในฐานะผู้บริโภค 5 ราย ปมขอให้เพิกถอนมติ “รับทราบ” ของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)

กรณีควบรวม บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) และ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) และขอให้เพิกถอนประกาศ กสทช. กำหนดมาตรการกำกับดูแลการรวมธุรกิจในกิจการโทรคมนาคม ลงวันที่ 4 ธันวาคม 2560 ไว้พิจารณา

เนื่องจากเห็นว่าบริการโทรคมนาคมมีผลต่อการดำรงชีวิตของประชาชน และด้วยข้อจำกัดเกี่ยวกับปริมาณคลื่นความถี่ที่มีจำนวนจำกัด ทั้งการลงทุนในการประกอบกิจการโทรคมนาคมต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก ตลาดหรืออุตสาหกรรมโทรคมนาคมจึงมีผู้ประกอบการจำนวนน้อยราย ทำให้มีลักษณะเป็นการกึ่งผูกขาดโดยธรรมชาติ

การควบรวมกิจการส่งผลให้ผู้ประกอบการลดลง ส่งผลกระทบต่อการแข่งขันโดยเสรีอย่างเป็นธรรม และมีผลกระทบต่อประชาชนผู้ใช้บริการในวงกว้างด้วย ข้อพิพาทในคดีนี้จึงต้องถือว่าเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม 

เมื่อเกิดผลกระทบแก่ส่วนรวม ศาลปกครองจึงมีอำนาจรับคำฟ้องนี้ของผู้ฟ้องคดีทั้งห้าไว้พิจารณาพิพากษาได้

การที่ศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องนี้ไว้พิจารณา และให้จำหน่ายคดี ออกจากสารบบความ และเมื่อศาลมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องของผู้ฟ้องคดีทั้งห้าไว้พิจารณาแล้ว จึงไม่จำต้องพิจารณาคำขอเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษาคดีของผู้ฟ้องคดีทั้งห้าแต่อย่างใดนั้น ศาลปกครองสูงสุดไม่เห็นพ้องด้วย

จึงมีคำสั่งกลับคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น เป็นให้รับคำฟ้องของผู้ฟ้องคดีทั้งห้าไว้พิจารณา และดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปตามรูปคดี รวมทั้งพิจารณาคำขอเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษาคดีของผู้ฟ้องคดีทั้งห้าต่อไป