รู้จัก ELIZA ปฏิวัติความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ แชตบอตจักรกล

ซ้าย: โจเซฟ ไวเซนบอม จาก computer-timeline.com ขวา: ภาพการสนทนากับ ELIZA ที่ใช้สคริปต์ DOCTOR โดย Marcin Wichary อัปโหลดบน Flickr

“ELIZA” ถูกนับว่าเป็นโมเดลแชตบอตตัวแรกของโลก ที่เริ่มต้นกรุยทางสู่การนิยาม และการพยายามอธิบายถึงความสัมพันธ์และการโต้ตอบระหว่างคนกับเครื่องจักร

การศึกษาปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ และเครื่องจักรที่ตอบโต้ได้ เป็นทฤษฎีที่มีมาตั้งแต่ Alan Touring บิดาแห่งวิทยาการคอมพิวเตอร์สมัยใหม่ในช่วงทศวรรษที่ 1950 โดยตั้ง THE TURING TEST เพื่อมีสมมุติฐานว่ามีแบบแผนที่พัฒนา เครื่องจักรที่มีปัญญาอย่างแท้จริง (TRULY INTELLIGENT MACHINE) ซึ่งแสดงการโต้ตอบกับมนุษย์จนยากจะแยกออกว่า บทสนทนาหรือการโต้ตอบที่เกิดนั้นเป็นของมนุษย์หรือว่าจักรกล หุ่นยนต์ คอมพิวเตอร์ (สมัยนั้นมักเรียก Bot รวมกันกับเครื่องจักร Machine)


ELIZA ท้าทายทฤษฎีการโต้ตอบเครื่องจักรกับมนุษย์ “ฉาบฉวย”

ในทศวรรษที่ 1960 ผู้เชี่ยวชาญวิทยาการคอมพิวเตอร์คนสำคัญอย่าง โจเซฟ ไวเซนบอม (Joseph Weizenbaum) จากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) ต้องการพิสูจน์ทฤษฎีการโต้ตอบที่ลื่นไหลว่าไม่ได้ทำให้คอมพิวเตอร์อัจฉริยะหรือมีปัญญาได้จริง เป็นแค่การโต้ตอบที่ฉาบฉวยเท่านั้น จึงได้สร้างโมเดลภาษาขึ้นมา ชื่อว่า ELIZA

ELIZA อวดโฉมในปี ค.ศ. 1964-1966 ใช้สคริปต์ที่มีชื่อว่า DOCTOR เป็นสคริปต์ที่ถอดแบบจากหลักการให้คำปรึกษาแบบไม่นำทาง (Non-directive counseling) ของนักจิตวิทยาชื่อดังคาร์ล โรเจอส์ (Carl Rogers)

หลักการปรึกษาไม่นำทาง คือ เป็นหลักคิดหนึ่งทางจิตวิทยาที่เชื่อว่าผู้ที่รู้จักความเจ็บไข้ทางจิตใจของตนดีที่สุด คือ ตนเอง ดังนั้นนักจิตวิทยาจึงมีหน้าที่ชวนให้ผู้ป่วยฉุกคิดด้วยการตั้งคำถามกลับให้เข้าใจตนเองมากขึ้น เพื่อจะมีสติที่จะแก้ปัญหาต่าง ๆ ด้วยตนเอง แทนที่จะคอยให้คำแนะนำหรือวิธีการแก้ปัญหาที่ผู้ป่วยไม่สามารถทำตามได้จริง จะส่งผลเสียแก่ผู้ป่วยได้

ADVERTISMENT

กลไกลการทำงานของ ELIZA เป็นอย่างไร

วิธีการทำงานของสคริปต์ ELIZA ใช้หลักการสำคัญ คือการประมวลผลคำสำคัญในรูปประโยคแล้วจัดเรียงใหม่เป็นคำถาม แน่นอนว่าในรูปประโยคภาษาอังกฤษคำกริยาและขยายกริยาคือใจความที่ทำให้เข้าใจและขยายความต่อไปได้ เช่น พิมพ์ประโยค “ฉันต้องการหนีจากบ้านของฉัน” สคริปต์จะเริ่มแบ่งวรรคในรูปประโยค และให้น้ำหนักกับคำสำคัญ จากประโยคตัวอย่าง “…..หนีออกจากบ้านของฉัน” เป็นคำสำคัญ

ADVERTISMENT

จากนั้น ELIZA จะสร้างคำตอบที่เหมาะสมออกมาให้ ด้วยการปรับเปลี่ยนคำในประโยคให้กลายเป็นประโยคคำถาม โดยมีเป้าหมายเพื่อ “ถาม” ย้อนกลับ ให้คนถามเริ่มตอบคำถามตัวเอง ทำให้ผู้ทดลองหลายคนรู้สึก และอาจฉุกคิดได้ถึงสิ่งที่ควรกระทำจริง ๆ

“ไวเซนบอม” อนุญาตให้ผู้ป่วยจิตเวชและอาสาสมัครทดลองใช้ ELIZA หลายคนพบว่าตัวเขาและ ELIZA เชื่อมถึงกัน รู้สึกคล้อยตามคำตอบของ ELIZA แม้แต่ “ไวเซนบอม” และผู้ช่วยของเขายังเคยแอบบไปคุยกับ ELIZA เพราะรู้สึกว่าช่วยคลี่คลายบางอย่างในใจได้

ผลการทดลองแสดงให้เห็นว่า แชตบอตที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างง่าย ไม่จำเป็นต้องเข้าใจความเป็นมนุษย์ ก็ส่งผลต่อสภาพจิตใจของมนุษย์ได้ รากฐานการทดลอง ELIZA จึงนำไปสู่งานวิจัยต่าง ๆ มากมายในแวดวงปัญญาประดิษฐ์ และคอมพิวเตอร์ เพื่ออธิบายปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์และเครื่องจักร

ELIZA สู่ Generative AI

แม้เครื่องจักรหรือหุ่นยนต์ รวมถึงปัญญาประดิษฐ์ดังเช่น ELIZA ยังไม่สามารถเข้ามาทำหน้าที่แทนมนุษย์ได้ในยุคบุกเบิก แต่ก็ชี้ให้เห็นว่าการตอบสนองของมันมีอิทธิพลกับวิธีคิดและความรู้สึกของมนุษย์อย่างยิ่งยวด

การที่ ELIZA ถูกสร้างจากสคริปต์ง่าย ๆ แต่สคริปต์นั้นมาจากทฤษฎีที่เฉพาะทางด้านจิตวิทยา และนักจิตวิทยาใช้จริง มันจึงไม่ใช่สิ่งที่ง่าย แต่เป็นสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางก็ใช้จึงส่งอิทธิพลกับมนุษย์

อย่างไรก็ตาม ปฏิสัมพันธ์ของบทสนทนาระหว่างมนุษย์ กับเครื่องจักรที่มีสคริปต์ง่าย ๆ ยังเพียงพอที่จะสั่นคลอนความรู้สึกของหลายคน แต่ลองนึกดูว่า ถ้าเครื่องจักรนั้นถูกเทรนด์มาด้วยคริปต์ที่ซับซ้อน และข้อมูลมหาศาลที่เกินกว่าช่วงชีวิตเรา และเทรนด้วยความสามารถเฉพาะทางนั้น ๆ ด้วยข้อมูลองค์ความรู้มหาศาล หน้าตามันจะเป็นอย่างไร

การทดสอบ Eliza นำไปสู่การศึกษาความสัมพันธ์ของมนุษย์และเครื่องจักรแบบตอบโต้อีกมากมาย และก็คงจะใกล้เป็นจริงมากขึ้นจาก Generative AI ที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดดในปัจจุบัน ที่แนวคิดเรื่อง TRULY INTELLIGENT MACHINE เริ่มเห็นได้ชัดว่าสักวันเครื่องจักรจะโต้ตอบกับมนุษย์จนเราแยกไม่ออก