
สำนักงาน กสทช. ส่งหนังสือร้องขอประธานวุฒิสภา ยับยั้งการตรวจสอบคุณสมบัติของประธานบอร์ด กสทช.ของกรรมาธิการไอซีที ชี้ไม่มีอำนาจ ทำให้ชื่อเสียงประธาน กสทช.เสื่อมเสีย
วันที่ 12 มิถุนายน 2567 รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) เปิดเผยว่า มีการส่งหนังสือ สทช.1001/23493 ลงนามโดยศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. ถึงประธานวุฒิสภา ขอให้พิจารณายับยั้งและตรวจสอบการใช้อำนาจหน้าที่ของประธานกรรมาธิการและคณะกรรมาธิการการเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม วุฒิสภา (กมธ. ไอซีที)
เนื่องจากมีการเผยแพร่ข่าวตามสื่อออนไลน์ และปรากฏเอกสารราชการของ กมธ. ไอซีที วุฒิสภา เรื่อง รายงานผลการสอบหาข้อเท็จจริง กรณีขอความอนุเคราะห์ตรวจสอบคุณสมบัติของศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. และหนังสือฉบับดังกล่าวได้ปรากฏต่อสาธารณะทั่วไป โดยมีเนื้อหาที่บิดเบือนข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย
อีกทั้งยังทำให้ประชาชนผู้อ่านข่าว เข้าใจผิดและหลงเชื่อ ทำให้ข้าพเจ้าได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นและถูกเกลียดชัง
ประธาน กสทช.จึงได้มีการส่งหนังสือดังกล่าวถึงประธานวุฒิสภา โดยชี้แจงข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยระบุด้วยว่า กมธ. ไอซีที จับแพะชนแกะโดยไม่สุจริตเพื่อกล่าวหาตน
พร้อมระบุตอนท้ายว่า จากข้อเสนอแนะของ กมธ. ไอซีที วุฒิสภา ที่สรุปว่า จากพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงที่รับฟังเป็นยุติในชั้นพิจารณาของคณะกรรมาธิการ ประกอบกับข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง คณะกรรมาธิการเห็นว่า นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ เป็นผู้ที่ขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553 มาตรา 7 ข. (12) มาตรา 8 มาตรา 18 มาตรา 20 และมาตรา 26 โดยไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและหลักฐานใด ๆ ว่าข้าพเจ้าปฏิบัติหน้าที่ไม่เต็มเวลานับแต่ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง จึงเป็นการกล่าวหาอย่างเลื่อนลอย
“ประเด็นสำคัญนอกเหนือจากที่ได้กราบเรียนข้อเท็จจริงที่คณะกรรมาธิการได้ดำเนินการด้วยความไม่บริสุทธิ์ยุติธรรมดังกล่าวข้างต้นแล้ว คือ ไม่มีกฎหมายใดที่ให้อำนาจหน้าที่คณะกรรมาธิการ ในการ
ตรวจสอบคุณสมบัติข้าพเจ้าในลักษณะเป็นการปฏิบัติหน้าที่เสมือนเป็นศาล หรือเจ้าพนักงานตามประมวล
กฎหมายอาญา หรือผู้บังคับใช้กฎหมายที่มีหน้าที่รวบรวมข้อเท็จจริง พยานหลักฐาน พิจารณาวินิจฉัยตัดสิน
ชี้ขาดได้ว่าข้าพเจ้าเป็นผู้ที่ขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. ๒๕๕๓
“คณะกรรมาธิการสรุปเอาเองโดยไม่มีอำนาจหน้าที่แล้วเสนอให้ประธานวุฒิสภานำกราบเรียนต่อนายกรัฐมนตรีให้นำความกราบบังคมทูลเพื่อมีพระบรมราชโองการให้พ้นจากตำแหน่ง โดยไม่มีกระบวนการตรวจสอบตามขั้นตอนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และจะเป็นการนำความเท็จขึ้นกราบบังคมทูลอันจะก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงจนมิอาจจะแก้ไขได้”