คนไทยต้องปรับตัวอย่างไร ในยุคที่คนเก่ง AI คือมนุษย์ทองคำ

AI

ความรุ่งโรจน์ของเทคโนโลยี AI เป็นดั่งการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งใหม่ ที่เข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงในทุกมิติของชีวิต และการดำเนินธุรกิจ เพิ่มโอกาสในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ทำให้ชุดทักษะของคนที่มีอยู่ต้องได้รับการอัพเกรดอย่างเร่งด่วน สอดรับกับการปรับตัวของหลาย ๆ องค์กร ที่นำ AI มาใช้เพื่อลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เช่น การดูแลลูกค้า การวิเคราะห์พฤติกรรม และการจัดการงานด้านทรัพยากรมนุษย์ เป็นต้น

การเข้ามาของ AI ส่งผลต่อภาพรวมของตลาดแรงงานในประเทศไทยอย่างไร

ภาคบริการเสี่ยง AI ลดบทบาท

จากรายงาน Thailand and AI : AI จะมีผลกระทบต่อแรงงานไทยอย่างไร โดย “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” ระบุว่า AI จะมีผลกระทบมากที่สุดในอุตสาหกรรมการบริการของไทย ซึ่งมีสัดส่วนถึง 52.4% ของ GDP และมีความเสี่ยงที่คนจะโดนแทนที่ด้วย AI ประมาณ 2.8 แสนคน หรือ 3.5% ของคนที่ทำงานในภาคบริการทั้งหมด

แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงจะคล้ายกับกรณีที่เคยเกิดขึ้นในภาคการผลิตที่นำระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์มาช่วยในอดีต ซึ่ง AI จะเริ่มแทรกแซงงานในภาคบริการและการสร้างสรรค์

หากดูการวิจัยของ World Economic Forum และ Indeed (เว็บไซต์เกี่ยวกับงาน และการสมัครงาน) ได้แบ่งสายงานตามระดับความเสี่ยงสูง ปานกลาง และต่ำ ดังนี้

1.ความเสี่ยงสูง ได้แก่ งานด้านข้อมูลข่าวสารและการสื่อสาร กิจกรรมทางการเงินและการประกันภัย กิจกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคนิค กิจกรรมการบริหารและการบริการสนับสนุน และการบริหารราชการและการป้องกันประเทศ

ADVERTISMENT

2.ความเสี่ยงปานกลาง ได้แก่ การขายส่ง การขายปลีก การซ่อมแซมยานยนต์ การขนส่ง และสถานที่เก็บสินค้า กิจกรรมทางศิลปะ ความบันเทิง และการนันทนาการ

และ 3.ความเสี่ยงต่ำ ได้แก่ การก่อสร้าง การศึกษา งานด้านสุขภาพ และงานสังคมสงเคราะห์ ที่พักแรมและบริการด้านอาหาร และกิจกรรมด้านอสังหาริมทรัพย์

ADVERTISMENT

ไม่จ้าง “คน” ไร้ทักษะ AI

นายธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย กล่าวว่า จากรายงาน Work Trend Index 2024 จัดทำโดย “ไมโครซอฟท์” ที่รวบรวมข้อมูลจากการสำรวจพนักงาน และผู้บริหารกว่า 31,000 คน ใน 31 ประเทศทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย พบว่า ผู้บริหารในไทยกว่า 74% ไม่ต้องการจ้างพนักงานที่ไม่มีทักษะด้าน AI สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 66%

Dhanawat
นายธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์

หากต้องเลือกระหว่างทักษะ AI กับประสบการณ์การทำงาน ผู้บริหารไทยกว่า 90% เลือกที่จะจ้างพนักงานที่มีประสบการณ์น้อย แต่มีทักษะด้านการใช้งาน AI แทนที่จะเลือกพนักงานที่มีประสบการณ์สูงกว่า แต่ขาดทักษะด้านนี้ สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 71%

“ทักษะด้าน AI กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการจ้างงาน ทั้งจากมุมมองของผู้นำองค์กร และการปรับตัวของผู้สมัคร เห็นได้จากพฤติกรรมการใช้ LinkedIn หรือโซเชียลมีเดียสำหรับสร้างเครือข่ายทางธุรกิจในช่วงปลายปี 2566 ที่ผู้ใช้มีการใส่ทักษะด้าน AI เช่น ChatGPT และ Copilot บนหน้าโปรไฟล์เพิ่มขึ้น 142 เท่า”

โอกาสของคนเก่ง AI

นายธนวัฒน์กล่าวต่อว่า แม้ในกลุ่มผู้สมัครจะมีความกังวลว่าจะไม่ถูกนายจ้างเลือกเข้าทำงาน แต่บางกลุ่มอาชีพก็ยังคงเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานอยู่ไม่น้อย ถือเป็นภาวะขาดแคลนทาเลนต์ (Talent Shortage) ที่องค์กรพยายามตามหาคนที่มีความเชี่ยวชาญในสายอาชีพ และความรู้ในการประยุกต์ใช้ AI มาเติมเต็มการทำงานอย่างต่อเนื่อง

ผลสำรวจจากรายงานฉบับดังกล่าวยังระบุอีกว่า 3 กลุ่มอาชีพที่ผู้นำองค์กรยังมองว่าขาดแคลนทาเลนต์มากที่สุด ได้แก่ ความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) วิศวกรรม (Engineering) และการออกแบบเชิงสร้างสรรค์ (Creative Design)

“ทุกการปฏิวัติทางนวัตกรรมจะมีงานที่หายไป และงานที่เกิดใหม่เสมอ บางงานยังคงอยู่ แต่ Job Description เปลี่ยน ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ต้องใช้เวลาในการปรับตัว หรือบางงานเป็นที่ต้องการมากขึ้น เมื่อมีทักษะด้าน AI เข้ามาเพิ่มคุณค่า โดยเฉพาะกลุ่มอาชีพงานสร้างสรรค์ เช่น Content Writer, Graphic Designer และ Marketing Manager เป็นต้น”

ทักษะปัจจุบันไม่ตอบโจทย์

ผู้บริหารไมโครซอฟท์มองว่า ทักษะที่เกิดจากการเรียนรู้ในหลักสูตรปัจจุบันยังไม่เพียงพอต่อการป้อนคนเข้าสู่สายงานที่ขาดแคลน หากอ้างอิงจากดัชนีชี้วัดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัล (Digital Competitiveness Index) ในปี 2566 ที่จัดอันดับโดย IMD พบว่าไทยอยู่ที่อันดับ 35 จาก 64 ประเทศทั่วโลก

แต่เมื่อเจาะลงในรายละเอียดจะพบว่าอันดับด้านโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลอยู่ที่ 15 การประยุกต์ใช้ดิจิทัลในภาคธุรกิจการเงินอันดับ 12 ส่วนทักษะทางดิจิทัลอันดับ 52 และทักษะทางดิจิทัลเพื่อการประกอบอาชีพอันดับ 49

“หากจะยกระดับขีดความสามารถด้านดิจิทัลของไทยให้สูงขึ้น เรามีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน แต่โจทย์สำคัญคือจะเพิ่มทักษะของคนในประเทศ หรือทำให้ AI เป็นหนึ่งในวิชาเรียนของนักเรียนไทยได้อย่างไร เพื่อที่ในอนาคต พวกเขาจะได้นำความรู้มาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันและการทำงาน”

แนะเร่งพัฒนา 5 ทักษะ

นอกจากนี้ ผลสำรวจเปิดเผยด้วยว่า AI จะทำให้ 68% ของทักษะสำหรับการทำงานจะเปลี่ยนไปภายในปี 2573 โดย 5 ทักษะที่จะช่วยให้คนไทยสามารถปรับตัวกับเทรนด์ในอนาคตได้อย่างรวดเร็ว คือ การคิดเชิงกลยุทธ์ (Strategic Thinking), การบริหารผู้มีส่วนใดส่วนเสีย (Stakeholder Management), การคิดเชิงวิพากษ์ (Critical Thinking), การใช้งาน AI และการวิเคราะห์ทางธุรกิจ (Business Analysis)

ผู้บริหารไมโครซอฟท์ทิ้งท้ายด้วยว่า วิธีที่จะทำให้คนไทยมีทักษะทางดิจิทัลมากขึ้น คือการสร้างสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการเรียนรู้ หรือมีหลักสูตร Training เฉพาะทางที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย ซึ่งไมโครซอฟท์ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก โดยพยายาม Localize Content ในบริการต่าง ๆ และนำหลักสูตรใน Microsoft Learn มาปรับเป็นภาษาไทย และในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า จะให้บริการ Copilot for Microsoft 365 ในเวอร์ชั่นภาษาไทยด้วย เพื่อช่วยให้ลูกค้าชาวไทยใช้เครื่องมือได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

Gen ไหนไวกับการใช้ AI

จากรายงาน Work Trend Index 2024 โดย “ไมโครซอฟท์” ที่รวบรวมข้อมูลจากการสำรวจพนักงานและผู้บริหารกว่า 31,000 คน ใน 31 ประเทศทั่วโลก รวมถึงไทย พบว่า ปัจจัยที่ทำให้เกิดการนำ AI มาใช้ในการทำงาน อาจมาจากภาระงานที่พนักงานแต่ละคนต้องแบกรับ

โดย 68% ของพนักงานทั่วโลกเผชิญปัญหาในการทำงานจำนวนมากให้เสร็จทันเวลา ซึ่งพนักงานเหล่านั้นมองว่า AI เป็นตัวช่วยประหยัดเวลาชั้นดี ทำให้มีเวลาจดจ่อกับเนื้องานในส่วนที่สำคัญที่สุดได้มากขึ้น

พนักงานที่เป็น AI Power Users หรือกลุ่มผู้ใช้งานระดับสูง ที่มีการใช้ AI ต่อเนื่อง จะนำเครื่องมือและบริการ AI ต่าง ๆ มาปรับเปลี่ยนแนวทางการทำงานในแต่ละวัน สามารถลดเวลาที่ใช้ทำงานที่มีอยู่เดิมลงได้วันละ 30 นาที หรือเฉลี่ย 10 ชั่วโมงต่อเดือน

ในประเทศไทย 86% ของพนักงานกลุ่มนี้เลือกที่จะเริ่มและจบวันทำงานด้วย AI สอดคล้องกับค่าเฉลี่ยของ AI Power Users ทั่วโลกที่ 85% แต่ในทางกลับกัน ผู้ใช้ AI ระดับสูงในไทยมีแนวโน้มที่จะทดลองใช้ AI ในรูปแบบหรือวิธีการใหม่ ๆ เพียง 45% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในระดับโลกที่ 68%

พนักงานไทยกว่า 92% ยังนำนวัตกรรม AI มาใช้ในการทำงาน โดยไม่ต้องรอให้บริษัทมีความพร้อม สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 75% รวมถึงในกลุ่มผู้ใช้ AI ราว 81% ยังเลือกนำเครื่องมือ AI ของตนมาใช้งานในที่ทำงาน จนเกิดเป็นกระแส Bring Your Own AI (BYOAI)

พนักงานแต่ละช่วงวัยมีความว่องไวในการประยุกต์ใช้เครื่องมือ AI กับการทำงานของตนเอง นำโดยกลุ่ม Gen Z (18-28 ปี) 85% ตามด้วยกลุ่ม Millennials (29-42 ปี) 78% กลุ่ม Gen X (44-57 ปี) 76% และ Baby Boomers (58 ปีขึ้นไป) 78%

แม้การปรับใช้ AI ในการทำงานจะส่งผลดีต่อองค์กร แต่เทรนด์ Bring Your Own AI มาพร้อมความเสี่ยงที่ข้อมูลภายในองค์กรจะรั่วไหลสู่สาธารณะนี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่องค์กรควรเร่งตัดสินใจเกี่ยวกับแผนการนำ AI มาใช้อย่างเป็นรูปธรรม