
กสทช. ปัดตกข้อเสนอ กกท. ของบฯ 435 ล้านบาท หนุนซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดโอลิมปิก 2024 มติเอกฉันท์ 7-0 ชี้แพลน บีฯ ร่วมกับ 4 ช่องทีวีได้สิทธิอยู่แล้ว ไม่กระทบการถ่ายทอดสด
วันที่ 17 กรกฎาคม 2567 ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า การประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) วันนี้มีการพิจารณาเรื่อง การขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อจัดหาลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 33 และการแข่งขันกีฬาพาราลิมปิกเกมส์ครั้งที่ 17 ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ของการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.)
โดยที่ประชุมมีมติเอกฉันท์ 7:0 ไม่เห็นชอบอนุมัติงบฯให้ กกท. เนื่องจากมีเอกชนได้ลิขสิทธิ์มาถ่ายทอดสดแล้ว และมีช่องทีวีสำหรับถ่ายทอดสดแล้ว
ก่อนหน้านี้ กกท.ได้รายงานคณะรัฐมนตรีให้รับทราบว่า กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ มีสภาพคล่องไม่เพียงพอในการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดโอลิมปิก 2024 และได้มีการขอสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.) จำนวน 435 ล้านบาท ซึ่งมี กสทช.เป็นผู้พิจารณาอนุมัติ
โดย บอร์ด กสทช. ให้เหตุผลดังนี้
1.หากพิจารณาอนุมัติสนับสนุนเงินจาก กทปส.ไปจะทำให้เกิดปัญหาการบังคับใช้กฎหมายที่ กสทช.เป็นผู้กำหนดให้ต้องปฏิบัติ กล่าวคือการดำเนินการให้เป็นไปตามประกาศ Must Carry อันจะส่งผลให้ กสทช. ซึ่งมีความสุ่มเสี่ยงที่จะเข้าข่ายการละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมายได้
2.การที่ กสทช.ไม่อนุมัติให้มีการสนับสนุนเงินจาก กทปส. จะไม่กระทบต่อการถ่ายทอด และดำเนินการตามกฎ Must Have และกฎ Must Carry เพราะจากข้อมูลที่ปรากฏเป็นข่าวรายวันในสื่อต่าง ๆ นั้น ปรากฏข้อเท็จจริงเป็นที่รับรู้โดยทั่วไปว่า บริษัท แพลน บีฯ ได้ร่วมกันดำเนินการกับผู้ให้บริการโทรทัศน์ภาคพื้นดินจำนวน 4 ช่องรายการ ได้แก่ ช่อง T Sports 7 ช่อง CH7 HD ช่อง 9 MCOT HD และช่อง PPTV HD 36 แล้ว
ซึ่งการถ่ายทอดรายการผ่านผู้ให้บริการดังกล่าวมีกลไกกฎหมาย และเงื่อนไขใบอนุญาตของ กสทช.ที่รองรับให้สามารถออกอากาศรายการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 33 และรายการแข่งขันกีฬาพาราลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 17 ผ่านกิจการโทรทัศน์ที่อยู่ในกำกับดูแลของ กสทช.ได้ทั้งหมดอยู่แล้ว
และจากกรณีดังกล่าว ประชาชนย่อมมีทางเลือกในการเข้าร่วมรับชมในช่องทางที่เอกชนร่วมกันดำเนินการอย่างหลากหลาย หาก กสทช.พิจารณาเห็นชอบให้สนับสนุนเงินจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.) ก็จะเป็นการเข้าแทรกแซงกลไกตลาดที่สามารถดำเนินการได้อยู่แล้วด้วย
3.ตามเอกสารร่างสัญญาระหว่างบริษัทแพลน บีฯ กับ กกท. ที่สำนักงาน กสทช.นำเสนอในที่ประชุม กสทช. มีเนื้อหาเป็นการจำกัดขอบเขตสิทธิการเผยแพร่ภาพและแพร่เสียงไว้เฉพาะการออกอากาศผ่านทางสถานีโทรทัศน์เพื่อการท่องเที่ยวและกีฬา (T Sport 7) และช่องทางอื่น ๆ ของสถานีโทรทัศน์เพื่อการท่องเที่ยวและกีฬา (T Sport 7) ไว้อย่างชัดเจน
ดังนั้น การนำเอาเงินจากกองทุน กทปส. ที่ผู้รับใบอนุญาตทุกรายมีหน้าที่ต้องนำเงินส่งเข้ากองทุน กทปส. ไปสนับสนุนตามที่ กกท.เสนอ โดยระบุให้สิทธิการถ่ายทอดสดแก่ผู้ให้บริการโทรทัศน์ภาคพื้นดิน เฉพาะสถานีโทรทัศน์เพื่อการท่องเที่ยวและกีฬา (T Sport 7) จะเป็นการเอื้อประโยชน์แก่เอกชน และสร้างความไม่เป็นธรรมต่อผู้ประกอบกิจการที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ กสทช.ทั้งระบบ
4.การถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกส์เกมส์ และการแข่งขันพาราลิมปิกเกมส์ เป็นหน้าที่และภารกิจหลักของ กกท. และกองทุนพัฒนาการกีฬาฯ ที่กำหนดไว้ตามมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558 และวัตถุประสงค์การจัดตั้งกองทุนพัฒนาการกีฬาฯ โดยตรง ดังนั้น จึงเป็นภารกิจหลักของ กกท. และกองทุนพัฒนาการกีฬาฯ ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ให้ดำเนินการโดยชัดแจ้ง
นอกจากนี้ การจะกล่าวอ้างว่ามิได้กำหนดไว้ในแผนงานของ กกท. หรือกองทุนพัฒนาการกีฬาฯ ก็ไม่สามารถรับฟังได้เนื่องจากเป็นที่รับรู้โดยทั่วไปว่าจะมีการดำเนินการในทุก ๆ 4 ปี