สันติธาร เสถียรไทย เผยความประทับใจเมื่อได้ฟัง Andrew Ng ปรมาจารย์และเจ้าพ่อวงการ AI ของโลกที่เพิ่งมาประเทศไทย และมาพูดในวงปิดที่ H.O.W (House of Wisdom)
วันที่ 19 กรกฎาคม 2567 ดร.สันติธาร เสถียรไทย Future Economy Advisor สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) และกรรมการในคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ‘เจ้าพ่อปัญญาประดิษฐ์ผู้เชื่อมั่นในพลังปัญญาของมนุษย์’
นั่นคือความประทับใจของผมเมื่อได้ฟัง Andrew Ng ปรมาจารย์และเจ้าพ่อวงการ AI ของโลกที่เพิ่งมาประเทศไทย และมาพูดในวงปิดที่ H.O.W (House of Wisdom)
สิ่งที่ชอบคือ Andrew เป็นเจ้าพ่อ AI ที่ไม่ได้ยึดติดอยู่กับการสร้างหุ่นยนต์ที่ฉลาดกว่าคน แต่อยากให้ AI มาเสริมปัญญาให้มนุษย์ และอยากเห็นคนจำนวนมากใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้ได้เต็มที่ จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาก็เป็นผู้ก่อตั้ง Coursera บริษัท เทคโนโลยีการศึกษาที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่งด้วย
ผมขอสรุปว่า AI สามารถมาเสริมปัญญาของคนและองค์กรได้ 4 ทาง เขียนออกมาได้เป็นคำว่า AI 2 ครั้ง – “AI x 2”
A ตัวแรกคือ Automation คือให้เอไอมาทำงานที่มันน่าเบื่อ ไม่ประเทืองปัญญาและเสียเวลาคน เพื่อให้คนมีเวลาไปทำอย่างอื่นที่มีประโยชน์กว่า
ตัวแอนดรูว์เค้าแอบเล่าว่า ตอนเด็ก ๆ ต้องถ่ายเอกสารตำราเยอะมากจนเบื่อ อยากหาเทคโนโลยีมาทำแทนให้ แต่ตอนนั้นยังไม่มี (เอ้ะ หรือนี่คือตัวจุดประกายให้แกพัฒนาเอไอ)
เขาคิดว่างานของคนจะไม่ถูก Automate จนหายไป แต่ 20-30% ของหน้าที่ที่คนเคยต้องทำจะใช้หุ่นยนต์แทน เพราะฉะนั้น เนื้อหาของงานจะเปลี่ยนไป แม้จะชื่อเหมือนเดิม มองในแง่ดีอาชีพครูที่เคยต้องงานเอกสารเยอะ ๆ อาจจะได้กลับมามีเวลาคิดเรื่องการสอนเด็กจริง ๆ และพัฒนาตัวเองมากขึ้น
A ตัวที่ 2 คือ Augmentation คือเอไอมาช่วยทำงานที่มนุษย์เรายังทำอยู่ให้เก่งขึ้นไป เพราะมี ’เพื่อนร่วมงานที่ดี’ ในส่วนนี้แอนดรอยด์ยกตัวอย่างการเขียนโค้ดในคอมพิวเตอร์ บอกว่า สิ่งที่ยากสุดของการเขียนโค้ดคือการต้องทำคนเดียว เพราะติดก็คิดไม่ออก ผิดก็ไม่รู้ตัว
แต่ด้วย GenAI วันนี้ “คุณจะไม่ต้องโค้ดคนเดียว” อีกต่อไป (You will never code alone) เพราะเอไอจะเป็นเพื่อนร่วมงานที่ช่วยคุณได้ในภาษามนุษย์
แต่เค้ามองต่างจากหลายคน ที่บอกว่าการเรียนโค้ดดิ้งไม่จำเป็นแล้ว เค้ากลับมองว่ายังเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรเรียนรู้ โดยเฉพาะเด็ก ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งทักษะพื้นฐานหลายอย่างที่จำเป็น
เหมือนกับที่ทุกวันนี้เรายังให้ความสำคัญกับการเรียนบวกลบคูณหารเลขแม้มีเครื่องคิดเลข เรายังให้ฝึกอ่านจับใจความแม้มีอุปกรณ์ช่วยสรุปมากมาย
แน่นอนผมว่า Augmentation ที่ไม่ได้ ใช้ได้แต่ในเรื่องเขียนโค้ดเท่านั้น แต่ใช้ได้ในเกือบทุกอาชีพ เช่น คุณครูก็สามารถมีเอไอเป็นผู้ช่วยในการออกแบบหลักสูตรการเรียนการสอน อาจให้เล่นบทนักเรียนช่วยทดสอบว่าหลักสูตรมันเวิร์กจริงไหม
I ตัวแรกมาจากคำว่า Innovation หรือนวัตกรรมในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่หน้าตาจะเปลี่ยนจากเดิมไปมาก เมื่อคนเริ่มค้นพบสูตรที่ลงตัว ว่าจะเอาเอไอมาใช้ในอุตสาหกรรมตัวเองอย่างไรให้เหมาะสม
วันนี้เรื่องการพัฒนาเอไอยังอยู่ในช่วงที่เน้นสร้างมันให้ฉลาด ขึ้นเรื่อย ๆ แต่ยังไม่ได้เน้นสร้างประโยชน์ (Application) ซึ่งแอนดรูว์มองว่าสำคัญมาก ๆ และเป็นเรื่องที่ฝั่งเทคโนโลยี-เทคนิคทำเองไม่ได้ ต้องมาร่วมมือกันกับผู้ที่รู้ลึกของแต่ละวงการนั้นจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็น แพทย์ การศึกษา การเงิน ศิลปิน ฯลฯ เพื่อให้เอไอสร้างอะไรใหม่ที่ตอบโจทย์แต่ละอุตสาหกรรมจริง ๆ
เขาแนะว่าแต่ละองค์กรควรสนับสนุนให้มีการทดลองใช้เอไอเป็นโปรเจ็กต์เล็ก ๆ หลาย ๆ อัน เพราะนอกจากจะช่วยสร้างทักษะให้คนแล้ว จะทำให้มองเห็นภาพอนาคตราง ๆ ด้วยว่า อุตสาหกรรมที่เราอยู่หน้าตาอาจเปลี่ยนไปอย่างไรในอนาคต และงานที่เราทำ ๆ กันอยู่จะปรับไปอย่างไรด้วย
I ตัวสุดท้ายคือ คำว่า Inclusion หรือการเข้าถึง เพราะแอนดรูว์ให้ความสำคัญกับความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการที่สำคัญต่าง ๆ ของคนในสังคม
เขาพูดไว้ว่า ‘ปัญญา’ คือสิ่งที่มีค่าที่สุดในโลก แต่ ‘ราคา’ มันช่างแพงเหลือเกิน กว่าจะสร้างคุณหมอ หรือคุณครูดี ๆ มาได้แต่ละคนช่างยากเย็น
คงจะดีไม่น้อยหากต่อไปปัญญาประดิษฐ์สามารถเป็น ‘ผู้ช่วย’ สร้างเสริมให้ทุกคนเก่งขึ้น ทำให้ต้นทุนของการสร้างปัญญานั้นถูกลงและเข้าถึงง่ายขึ้น
ในขณะเดียวกัน เขาก็ตระหนักว่าเทคโนโลยีแบบ AI เนี่ยแหละที่อาจจะทำให้ความเหลื่อมล้ำมันแย่ลงลงก็ได้ เพราะคนที่ใช้ AI เป็นได้เปรียบคนที่ใช้เอไอไม่เป็นอย่างมาก
เขาจึงมองว่าการนำ AI มาใช้พัฒนาระบบการศึกษา และรีสกิล-อัพสกิลให้คนจะเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะสุดท้ายเทคโนโลยีจะดีแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ หากคนทั่วไปเข้าไม่ถึงและใช้ไม่เป็น
ผมไม่ได้เขียนสรุปเนื้อหาทั้งหมด ซึ่งมีอีกหลายประเด็น แต่อยากจะเล่าความประทับใจส่วนตัวและประเด็นที่ได้ตกตะกอนมาเป็น ”AI x 2“ ที่ว่านี้
และขอปิดท้ายด้วยประโยคที่เขาบอกว่า การมาประเทศไทยคราวนี้ทำให้เขารู้สึกได้ถึงการตื่นตัวเรื่องเอไอของประเทศไทยและโมเมนตัมที่กำลังมา
เขาจึงทิ้งท้ายว่า อยากให้ใช้ประโยชน์จากตรงนี้ อย่าให้เป็นไฟไหม้ฟาง ใช้มันจุดประกายสร้างคอมมิวนิตี้ที่สนับสนุนการพัฒนาและประยุกต์ใช้เอไอเพื่อตอบโจทย์ประเทศ เพราะประเทศไทยมีจุดแข็งหลายด้านที่เอาเทคโนโลยีมาช่วยเสริมให้ก้าวกระโดดได้ ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยว เกษตร การแพทย์
ที่นี้ก็คงขึ้นอยู่กับเราแล้วละครับว่าจะใช้ไฟที่จุดติดนี้อย่างไร