Indigo Ag สตาร์ตอัพ เพื่อเกษตรกรรุ่นใหม่

คอลัมน์ Startup ปัญหาทำเงิน

โดย มัชฌิมา จันทร์สว่างภูวนะ

ในขณะที่หลายคนเมามันกับการกล่าวโทษเกษตรกรถางป่า ฉีดยาฆ่าแมลง ทำลายสิ่งแวดล้อม มีสตาร์ตอัพเล็ก ๆ “Indigo Ag” ก้มหน้าก้มตาพัฒนานวัตกรรมแทนพร่ำบ่นIndigo Ag วัยเพียงแค่ 4 ปี แต่มีมูลค่าทะลุ 3.5 พันล้านเหรียญ จากการผลิตสารบำรุงเมล็ดพันธุ์พืชที่ทำจากจุลินทรีย์ที่เป็นมิตรกับพืช ลดต้นทุนปุ๋ยและยาฆ่าแมลง แถมได้ใจผู้บริโภคที่อยากกินพืชผลที่สะอาดปลอดสารพิษและไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

ปฏิเสธไม่ได้ว่าเกิดเป็นคนยังไงก็ต้องกิน ดังนั้น ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการผลิตอาหารจึงมีโอกาสรอดสูง

แต่ Indigo Ag ไม่ใช่แค่ “ถูกที่” แต่มา “ถูกเวลา” ด้วย เพราะคาดว่าคนจะเพิ่มเป็น 9.8 พันล้านในปี 2050 ทำให้ทรัพยากรร่อยหรอ บวกกับสภาพ ดิน น้ำ อากาศที่เข้าขั้นวิกฤต ทำให้เกษตรกรต้องพึ่งสารเคมีหนักขึ้น กลายเป็นวงจรซ้ำซากไม่จบสิ้น

โดยสารบำรุงของบริษัทเน้นไปที่พืชผลประเภท ข้าว ถั่วเหลือง ข้าวสาลี ข้าวโพด ข้าวบาร์เลย์ ข้าวโอ๊ต เป็นหลัก แต่มีแผนจะพัฒนาให้ใช้ได้กับพืชผลเศรษฐกิจ เช่น กาแฟ ถั่วราคาแพง ผลไม้ และผักต่าง ๆ ด้วย

ปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าเป็นเกษตรกร 5,000 ราย มีพื้นที่เพาะปลูกรวมกันกว่า 1 ล้านเอเคอร์ และตั้งเป้าจะเพิ่มเป็น 25,000 ราย ครอบคลุม 4 ล้านเอเคอร์

ทั้งในอเมริกา อาร์เจนตินา บราซิล ออสเตรเลีย และอินเดีย โดยคาดว่าจะมีรายได้ 1 พันล้านเหรียญในปีนี้

นอกจากสินค้าหลักอย่างสารบำรุงเมล็ดพันธุ์แล้ว Indigo Ag ยังนำเทคโนโลยีอื่น ๆ มาพัฒนาเป็นบริการช่วยให้เกษตรกรมีช่องทางการขายและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดีขึ้น เช่น Indigo Marketplace ตลาดออนไลน์ที่ให้บริษัทห้างร้านกับเกษตรกรติดต่อซื้อขายกันโดยตรง ซึ่งช่วยให้ลูกค้ากำหนดเงื่อนไขและมาตรฐานของพืชผลที่ต้องการล่วงหน้า เช่น เป็นพืช non GMO ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ปลอดสารพิษ ฯลฯ และทำให้เกษตรกรควบคุมค่าใช้จ่ายและวางแผนการผลิตได้ดีขึ้น

ตั้งแต่เปิดตัวไปเมื่อ ก.ย.ปีที่แล้ว ตลาดออนไลน์แห่งนี้มีการซื้อขายสินค้าเกษตรกว่า 3 หมื่นล้านเหรียญ และหนึ่งในลูกค้ารายใหญ่ ได้แก่ บริษัท Anheuser-Busch InBev เจ้าของเบียร์ดังหลายยี่ห้อรวมทั้ง Budweiser ยังมีบริการ Indigo Transport เชื่อมต่อเกษตรกรกับบริษัทขนส่ง เพื่อลำเลียงสินค้าถึงมือลูกค้ารวดเร็ว

ล่าสุดเพิ่มบริการข้อมูลเชิงภูมิศาสตร์ โดยดึงข้อมูลจากดาวเทียมออกมาเป็นแผนที่ให้เห็นชัด ๆ ว่า มีการเพาะปลูกพืชอะไร ที่ไหนเมื่อไร อย่างไร แบบเรียลไทม์ ซึ่งช่วยให้เกษตรกรตัดสินใจเวลาวางแผนการผลิต เพื่อให้ได้กำไรสูงสุดในช่วงเวลานั้น ๆ

Indigo Ag หวังว่าบริการเหล่านี้จะช่วยให้เกษตรกรเผชิญหน้ากับความท้าทายต่าง ๆ ได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นดินฟ้าอากาศที่แปรปรวน จนถึงสงครามการค้าสหรัฐกับจีน และช่วยดึงคนรุ่นใหม่ให้หันมาสนใจทำเกษตรกันมากขึ้นด้วย