
ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) ได้ประกาศวันเริ่มต้นการใช้ระบบลงทะเบียนผู้ใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้วยระบบอัตลักษณ์ พร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 15 ธันวาคม 2560
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2560 สำนักงาน กสทช. ได้ส่งหนังสือแจ้งไปยังผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกราย ให้เริ่มจัดเก็บข้อมูลผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้วยวิธีอัตลักษณ์ ด้วยการตรวจสอบใบหน้า (face recognition) หรือสแกนลายนิ้วมือ (finger print) เพื่อเป็นวิธีที่สามารถพิสูจน์และยืนยันตัวบุคคล และป้องกันการแอบอ้างหรือปลอมแปลงการลงทะเบียนซิมการ์ดได้ ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2560 เป็นต้นไป
- วิกฤตหรือไม่วิกฤต คำตอบผู้ว่าการ ธปท.
- ในหลวง พระราชินี เสด็จฯส่วนพระองค์ ทรงร่วมแข่งเรือใบ จ.ภูเก็ต
- เช็กที่นี่ เงินอุดหนุนบุตร 600 บาท เดือนธันวาคม 2566 เงินเข้าวันไหน
โดยครอบคลุมถึงผู้ที่ซื้อซิมการ์ดใหม่ ทั้งการใช้งานแบบรายเดือน(โพสต์เพด) และแบบเติมเงิน(พรีเพด) รวมถึงบุคคลที่ไม่ใช่สัญชาติไทย และนักท่องเที่ยวที่ต้องการเปิดใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้วย
การลงทะเบียนซิมด้วยวิธีอัตลักษณ์ เป็นการส่งเสริมนโยบายของของรัฐบาลในเรื่องการดำเนินธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจำเป็นต้องมีการปรับปรุงการจัดเก็บข้อมูลผู้ใช้บริการ และต้องมีการปรับปรุงการพิสูจน์และยืนยันตัวบุคคลของผู้ใช้บริการให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยจะมีการเปรียบเทียบใบหน้า (face recognition) หรือ ลายนิ้วมือ (finger print) ของผู้ซื้อซิมการ์ดกับข้อมูลที่เก็บในบัตรประชาชนฉบับจริง โดยหากข้อมูลมีความถูกต้องตรงกัน จึงจะอนุญาตให้มีการจัดเก็บข้อมูลผู้ใช้บริการและเปิดใช้งานซิมการ์ดได้
ดังนั้น ประชาชนที่ต้องการเปิดซิมใหม่ จะต้องนำบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริงไปด้วยเพื่อให้จุดให้บริการตรวจสอบข้อมูล อย่างไรก็ตาม หากมีการตรวจสอบอัตลักษณ์แล้วไม่สามารถดำเนินการตรวจสอบได้ ให้ผู้ใช้บริการติดต่อศูนย์ให้บริการ หรือสำนักงานบริการลูกค้าเพื่อดำเนินการตรวจสอบข้อมูล เพิ่มเติมการเปิดใช้งานซิมการ์ดต่อไป
“เมื่อมีการลงทะเบียนซิมการ์ดเรียบร้อยแล้ว ข้อมูลของผู้ใช้บริการจะถูกจัดส่งตรงไปยังฐานข้อมูลของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยไม่ได้มีการจัดเก็บข้อมูลไว้ที่จุดให้บริการ ซึ่งประชาชนสามารถมั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลจะถูกจัดเก็บเป็นความลับและปลอดภัยอย่างแน่นอน ซึ่งการดำเนินงานครั้งนี้เป็นการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในเรื่องการดำเนินการธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ในการจัดเก็บข้อมูลผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ให้มีประสิทธิภาพ มีการพิสูจน์ตัวตนได้ และยังช่วยในเรื่องความมั่นคงของรัฐ และความปลอดภัยของสังคมด้วย” นายฐากร กล่าว