Taokaenoi x Bitkub ผุดแคมเปญการตลาด 3.0 ผ่าน NFT

เถ้าแก่น้อย และ บิทคับ จับมือนำเทคโนโลยี NFT และระบบ Token Economy ช่วยทำการตลาดขนมขบเคี้ยว สร้างประสบการณ์ใหม่ ชี้ไม่ใช่แค่แคมเปญ แต่คือปฏิวัติวงการ

วันที่ 19 พฤษภาคม 2565 บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ร่วมกับเถ้าแก่น้อย เปิดตัว “Taokaenoi x Bitkub NFT : The phenomenon press conference” ด้วยการนำ NFT เป็นของสะสมใส่ไว้ในซองขนมของเถ้าแก่น้อย โดย NFT ดังกล่าวจะทำให้ผู้สะสมสามารถเข้าร่วมกิจกรรมพิเศษได้

นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา กล่าวว่า ในการทำตลาดยุคแรก คือ การตลาดแบบกายภาพ อย่างการขึ้นบิลบอร์ดจึงทำให้ติดตามผลการทำตลาดได้ยาก ว่าใครมองเห็นหรือเข้าถึงโฆษณา ยุคต่อมาคือ การตลาดแบบออนไลน์ ทำให้เห็นผลและสามารถติดตามผลได้ง่ายขึ้น ตอนนี้เข้าสู่ยุคที่สาม คือ การตลาด 3.0 เป็นครั้งแรกที่ทำให้คนดูมีส่วนร่วม

โดยมีเทคโนโลยีบล็อกเชน Token Economy และ NFT เข้ามามีส่วนช่วยกระจายรางวัลกลับไปยังผู้ใช้บริการ ทำให้เกิดรูปแบบการตลาดที่มีความหลากหลายขึ้น เช่น move to earn กระตุ้นให้คนอยากออกกำลังกายมากขึ้น หรือ play to earn ที่ทำให้คนอยากเล่นเกมมากขึ้น ดังเช่นกรณีนี้ เป็น eat to earn ทำให้คนอยากเปิดซองขนม เพื่อรับ NFT ในนั้น มากขึ้น เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ความร่วมมือกันระหว่างทั้งสองบริษัทในครั้งนี้ จะไม่ใช่แค่แคมเปญทางการตลาด แต่คือการสร้างประสบการณ์ใหม่ในการเปิดซองขนม

ด้านนายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ผู้ก่อตั้งบริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด กล่าวว่า เถ้าแก่น้อยเปิดมานานเเล้วจึงรู้สึกว่าอยากทำอะไรที่สนุก และสร้างอะไรใหม่ ๆ ให้สังคม และให้อะไรกลับคืนไปยังแฟนคลับ ซึ่งฐานลูกค้าก็เป็นคนรุ่นใหม่จึงนำเทรนด์ใหม่ ๆ มานำเสนอแฟนคลับ

“คนที่ทำธุรกิจแบบเรา เราน่าจะเป็นรายแรกในไทย ที่ทำ NFT คิดว่าการทำแบบนี้จะทำให้ลูกค้าได้มีส่วนร่วมกับเรา การดึงลูกค้าให้เข้ามามีส่วนร่วมเป็นสิ่งที่เราคิดมานานแล้ว แต่ยังไม่สามารถหาวิธีการที่เหมาะสมได้ ซึ่งบิทคับมีเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยเราทำได้ โดยไม่ต้องพึ่งเทคโนโลยีต่างประเทศ และสร้างอะไรสนุก ๆ ให้กับลูกค้าของเรา”

นายจิรายุสทิ้งท้ายว่า การจับมือในครั้งนี้น่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงโลกการตลาด เพราะเป็นการหลอมรวมระหว่างบริษัทผลิตอาหารแบบกายภาพ และบริษัทด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ด้วยระบบ Token Economy ขับเคลื่อนการตลาดจะเข้าสู่ยุค 3.0