ไวรัลท่วมโซเชียลจุดพลุ MarTech ไวซ์ไซท์ ดึง AI เพิ่มจุดแข็งวิเคราะห์ข้อมูล

“ไวซ์ไซท์” ดึงเทคโนโลยี “เอไอ” พัฒนาเครื่องมือและบริการ “แยก-เก็บ-วิเคราะห์” ข้อมูล ชูความ “แม่นยำ-เร็ว และลึกขึ้น” เป็นจุดแข็งช่วยนักการตลาดรับมือกระแสไวรัลท่วมโลกโซเชียล ทั้งโชว์รายได้ปี’64 ทะลุ 200 ล้าน ทำกำไรปีแรกหลังระดมทุน ทั้งเผย 3 เหตุผลที่เทคสตาร์ตอัพต้องรู้

นายกล้า ตั้งสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ให้บริการเทคโนโลยีด้านการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก กล่าวว่า ข้อมูลในโลกโซเชียลมีเดียมีปริมาณมากและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งเต็มไปด้วยแง่มุมมากมายที่ซับซ้อน เช่น กระแสไวรัลต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจริงแบบออร์แกนิกหรือเพราะอย่างอื่น ทำให้การเก็บข้อมูลเชิงลึกต้องมีเครื่องมือที่ซับซ้อนขึ้น บริษัทมีประสบการณ์ด้านโซเชียลมีเดียมากว่า 15 ปี และมีการเก็บข้อมูลต่อปีมากกว่า 1.6 พันล้านข้อความ

กล้า ตั้งสุวรรณ
กล้า ตั้งสุวรรณ

“โลกการตลาดยุคนี้มีเครื่องมือใหม่ ๆ จำนวนมาก นักการตลาดที่มีทักษะความเข้าใจและสามารถใช้ marketing technology ให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ทางการตลาด และหมั่นอัพเดตความรู้อยู่เสมอ หากใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพย่อมเตรียมตัวได้ก่อน วางกลยุทธ์ได้รวดเร็วและประสบความสำเร็จเหนือคู่แข่งได้ไม่ยาก”

สำหรับปีนี้บริษัทได้พัฒนาเครื่องมือและบริการใน 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.WISESIGHT RESEARCH (รายงานการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก) 2.บริการ WARROOM และ 3.บริการ ZOCIAL EYE

หา “อินไซต์” ต้องเร็วและลึก

นายพุทธศักดิ์ ตันติสุทธิเวท รองผู้อำนวยการฝ่ายการบริการวิเคราะห์ข้อมูลบริษัทเดียวกัน กล่าวว่า การวิจัยเพื่อหาข้อมูล “อินไซต์” ให้ลูกค้าแข่งกับเวลาแต่ก็ยังต้องคงความแม่นยำและใช้งานได้จริง บริษัทจึงออกแบบระเบียบวิธีการวิจัยที่อยู่หลังบ้านใหม่ โดยเน้น 2 ส่วนหลัก คือ ความรวดเร็ว (faster) และความลึกของข้อมูล (deeper)

พุทธศักดิ์ ตันติสุทธิเวท
พุทธศักดิ์ ตันติสุทธิเวท

“เรื่องความเร็วเราใช้ AI ช่วยคัดกรองสิ่งที่ไม่จำเป็นในการใช้วิเคราะห์ หรือนอยซ์ที่เกิดบนโซเชียลมีเดีย แล้วต่อท่อข้อมูล (data pipeline) ใช้สถิติประเมินความสำคัญก่อนหลัง (message optimize) เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ดีที่สุดที่จะนำไปวิเคราะห์หรือดำเนินการต่อ กระบวนการเหล่านี้ทำให้การส่งรายงานเร็วขึ้น 30% ลูกค้าและแบรนด์จึงมีเวลาออกแบบและสร้างแคมเปญการตลาดเพิ่มขึ้น”

สำหรับเรื่องความลึก มีการสร้างกรอบการวิเคราะห์ที่หลากหลายขึ้น ทั้งผสมผสานกับการวิจัยแบบดั้งเดิมเพื่อให้ “อินไซต์” ที่อยากรู้แม่นยำและใช้งานได้ดี ซึ่งกระบวนการผสมผสานการวิจัยทำให้การหาเส้นทาง (journey) ของแบรนด์ทำได้ดีขึ้นในหลากหลายแง่มุมและได้อินไซต์ในที่สุด

นายพุทธศักดิ์กล่าวต่อว่า แกนกลางสำคัญที่ช่วยให้ฝ่ายวิจัยทำงานได้เร็วขึ้น และแม่นยำขึ้นท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วของข้อมูลที่หลากหลายในโซเชียลมีเดีย มาจาก 1.Kirin Engine เป็น “เอไอ” ที่ช่วยจัดการข้อมูล และ 2.Wisesight Metrics ตัวชี้วัดประสิทธิภาพของโซเชียลมีเดียตามค่ามาตรฐานที่คำนวณจากฐานข้อมูลของไวซ์ไซท์สำหรับคนทำงานสายการตลาดโดยเฉพาะ

ลงทุน “เอไอ” พัฒนาบริการ

นอกจากนี้ บริษัทยังพัฒนาซอฟต์แวร์และบริการ เช่น warroom ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ทีมงานดูแลลูกค้าขององค์กรธุรกิจ ควบคุมดูแลช่องทางสื่อสารต่าง ๆ ผ่านหน้าจอเดียว ซึ่งให้บริการมาเกือบ 10 ปี ปัจจุบันอัพเกรด 4 ฟีเจอร์ใหม่ ได้แก่

1.WARROOM Mini App แอปพลิเคชั่นที่พัฒนาให้ใช้ได้ 7 รูปแบบโดยไม่ต้องสลับหน้าจอเครื่องมือในระบบอื่น ๆ 2.WARROOM Mini App SDK ให้ธุรกิจหรือผู้พัฒนาแอปนำแอปมาใช้งานบน WARROOM ตอบโจทย์การใช้งานหลากหลาย

3.Automation Workflow ขยายขีดความสามารถด้านการดูแลลูกค้าด้วยระบบอัตโนมัติที่ช่วยบริหารจัดการความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์และลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ลดภาระการทำงานของทีมดูแลลูกค้า และทำงานที่สำคัญได้เต็มศักยภาพ และ 4.Direct Message on Instagram อีกช่องทางสำคัญที่รวบรวมการสื่อสารระหว่างแบรนด์กับลูกค้า

อีกส่วนคือ ZOCIAL EYE ตัวติดตามข้อมูลในโซเชียลมีเดีย (social listening) ที่อัพเกรดฟีเจอร์ให้เก็บข้อมูล รวมถึงแสดงผลข้อมูลเชิงลึกและครอบคลุมขึ้น ได้แก่ demographics แสดงผลข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าด้านเพศและช่วงอายุ โดย “คาดเดา” จากฐานข้อมูลบิ๊กดาต้า และ Kirin AI มีความแม่นยำถึง 80%,

brand involvement วัดผลลัพธ์ประสิทธิภาพบัญชีของอินฟลูเอนเซอร์ได้แม่นยำ, logo detection ระบบวิเคราะห์และจับข้อความจากภาพที่มีสัญลักษณ์โลโก้เพื่อมอนิเตอร์ข้อมูลสำหรับธุรกิจ และ intelligence analytics ระบบช่วยสรุปและอ่านข้อมูลจากแคมเปญโซเชียลมีเดีย

วรัทธน์ วงศ์มณีกิจ
วรัทธน์ วงศ์มณีกิจ

ขณะที่ นายวรัทธน์ วงศ์มณีกิจ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์บริษัทเดียวกัน กล่าวว่า สิ่งที่จะทำเร็ว ๆ นี้ คือ การเก็บข้อมูลและประมวลผลข้อมูลจากวิดีโอสั้นบนแพลตฟอร์ม Instagram Reels & TikTok ซึ่งเป็นช่องทางยอดนิยมของผู้ใช้งาน แต่ยังเป็นสิ่งที่นักการตลาดไม่สามารถจัดการได้ด้วยข้อมูลเพราะยังไม่มีใครเก็บและวิเคราะห์ได้

“การเก็บข้อมูลเหล่านี้ต้องเทรนเอไอทั้งระบบเพื่อเปลี่ยนวิธีการทำงาน ซึ่ง Kirin AI ทำได้ เราลงทุนไปกว่า 25 ล้านบาท ใน 2-3 ปีที่ผ่านมา เพื่อช่วยให้งานมีประสิทธิภาพขึ้น เพิ่มผลิตภาพ และกลายเป็นสินทรัพย์ของเราอีกด้วย”

3 เหตุผลที่เทคสตาร์ตอัพต้องรู้

นายกล้ากล่าวเสริมว่า บริษัทให้บริการด้านข้อมูล การวิจัยจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด และเอไอเป็นส่วนหนึ่งที่เสริมการทำงาน แต่ยังต้องพึ่งพานักวิทยาศาสตร์ข้อมูล ซึ่งไวซ์ไซท์มีทีมวิจัยข้อมูลถึง 80 คน และทีมสนับสนุนจากคอมมิวนิตี้อีก 100 กว่าคน

“ที่ผ่านมาฝ่ายวิจัยสร้างรายได้ให้เราปีละ 100 กว่าล้าน เป็นสัดส่วนกว่า 60% ของรายได้รวม แต่ปี 2564 ที่ผ่านมาเรามีรายได้ 204 ล้านบาทมาจากซอฟต์แวร์ และผลิตภัณฑ์ 60% มากกว่างานวิจัยและบริการที่มีสัดส่วน 40% ทำให้มีกำไรเป็นครั้งแรก 10.4 ล้านบาทนับตั้งแต่ระดมทุนเมื่อ 2 ปีก่อน”

อย่างไรก็ตาม บริษัทแม้จะเป็นเทคสตาร์ตอัพก็ต้องนึกถึงกำไร เพราะนักลงทุนอยากรู้ ซึ่งบริษัทมีความสามารถที่จะทำกำไรได้ต่อเนื่องในระดับ 2 ดิจิต ด้วยเหตุผลคือ 1.เข้าใจธุรกิจ และรับรู้ต้นทุน กำไรเกิดจากการควบคุมต้นทุนไม่ใช่การขาย เพราะต่อให้ขายได้พันล้านแต่คุมต้นทุนไม่ได้ก็ขาดทุน


2.ให้พนักงานโฟกัสทีละเรื่องทำให้ทำงานเต็มที่ และ 3.ขยายฐานลูกค้าโดยเริ่มนำ warroom และ (Zocial Eye ขยายไปในองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ กลาง และใช้กับธุรกิจขนาดเล็กได้ ทั้งมีเอไอพร้อมสเกลซอฟต์แวร์ให้รองรับการขยายตัวได้