
16 เครือข่ายเกษตรกร-ผู้ส่งออกทุเรียนภาคตะวันออก-ภาคใต้กว่า 400 คน เตรียมยื่นหนังสือถึง “ประยุทธ์” ให้ทบทวนคำสั่งโยกย้าย ผอ.สวพ.6 “ชลธี นุ่มหนู” หวั่นกระทบส่งออกทุเรียนมูลค่าแสนล้านบาท
วันที่ 25 ตุลาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีคำสั่งด่วนโยกย้ายนายชลธี นุ่มหนู ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตร เขตที่ 6 จ.จันทบุรี (สวพ.6) กรมวิชาการเกษตร ไปดำรงตำแหน่ง “ผู้อำนวยการกอง” (ผู้อำนวยการเฉพาะด้าน วิชาการเกษตร กองพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้าพืช กรมวิชาการเกษตร) ถือว่าเป็นการโยกย้ายข้าราชการนอกฤดูกาล
ล่าสุดวันนี้เครือข่ายองค์กรชาวสวนผลไม้และหลายสมาคมผู้ส่งออก จำนวน 16 องค์กรจากทั่วประเทศ โดยเฉพาะจังหวัดหลักที่ปลูกทุเรียน เช่น ระยอง จันทบุรี ตราด และชุมพร ได้นัดรวมพลกันกว่า 400 คน ที่ “สวพ.6” เพื่อออกแถลงการณ์ร่วมให้ทบทวนคำสั่งย้ายนายชลธี พร้อมมาให้กำลังใจนายชลธี และทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ทบทวนคำสั่งย้ายนายชลธี
โดยมีใจความสำคัญดังนี้ จากสถานการณ์การแข่งขันของตลาดการส่งออกทุเรียนไปยังประเทศจีนปัจจุบันเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะหลังจากสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (GACC) ได้ประกาศลงวันที่ 27 กรกฎาคม 2565 อนุญาตให้ประเทศเวียดนาม ส่งทุเรียนผลสดเข้าจีนได้เป็นประเทศที่ 2
ซึ่งประเทศเวียดนามถือเป็นคู่แข่งทางการค้า ที่มีข้อได้เปรียบสูง เนื่องจากมีพรมแดนติดสาธารณรัฐประชาชนจีน ทำให้ระยะทางขนส่งใกล้กว่าประเทศไทย สามารถตัดทุเรียนแก่ที่มีคุณภาพและรสชาติได้ดีกว่าของประเทศไทย และทำให้ราคาถูกกว่าประเทศไทย
อีกทั้งประเทศไทยยังมีการตรวจพบทุเรียนด้อยคุณภาพส่งออกไปยังจีน ซึ่งเป็นปัญหามาไม่ต่ำกว่า 30 ปี ปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายควบคุมคุณภาพทุเรียนบังคับใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาทุเรียนด้อยคุณภาพได้อย่างเป็นรูปธรรม
ในขณะที่จีนมีความต้องการทุเรียนแก่จัดและมีคุณภาพสูง ปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบทำให้ราคาทุเรียนไม่เสถียร ความน่าเชื่อถือ ความมั่นใจของผู้บริโภคคนจีนลดลง และอาจมีการลดการนำเข้าในอนาคตหากมีประเทศทางเลือกที่ดีกว่า
ที่ผ่านมาช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิตทุเรียนภาคตะวันออกในปี 2563 ได้ตรวจพบปัญหาทุเรียนอ่อนมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา ดังนั้นในช่วงการเก็บเกี่ยวทุเรียนในภาคตะวันออกในปี 2564 นายชลธี นุ่มหนู ได้ก่อตั้งชุดปฏิบัติการ “ทีมเล็บเหยี่ยว” เพื่อตรวจจับแก้ปัญหาทุเรียนอ่อน ด้อยคุณภาพ ทีมเล็บเหยี่ยวทำงานอย่างจริงจังท่ามกลางปัญหาอุปสรรคที่ต้องฝ่าฟัน
การดำเนินการด้านมาตรฐาน GAP ในส่วนของผลไม้เพื่อการส่งออก ทุเรียน ลำไย มังคุด ฯลฯ ของภาคตะวันออกสามารถส่งขายได้อย่างราบรื่น อีกทั้งนายชลธี นุ่มหนู มีส่วนในการผลักดันเรื่องการกำหนดมาตรฐาน GMP Plus และ GAP Plus เพื่อยกระดับมาตรฐานการจัดการผลไม้ที่ปลอดจากการปนเปื้อนเชื้อโควิด-19 โดยตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา พบทุเรียนด้อยคุณภาพน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ
จากการรายงานของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ในปี 2563 ซึ่งเป็นปีที่ตรวจพบปัญหาทุเรียนด้อยคุณภาพมากกว่าทุกปีที่ผ่านมานั้น พบมูลค่าการส่งออกทุเรียนผลสด ประมาณ 6.5 หมื่นล้านบาท
แต่ในปี 2464 หลังจากมีมาตรการตรวจจับทุเรียนอ่อน และทุเรียนด้อยคุณภาพ โดยชุดปฏิบัติการ “ทีมเล็บเหยี่ยว” พบมูลค่าการส่งออกของทุเรียนผลสดเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนประมาณ 1 แสนล้านบาท ซึ่งมูลค่าเพิ่มขึ้นสูงกว่าปี 2563 คิดเป็นร้อยละ 60.1
ทำให้คุณภาพทุเรียนไทยที่ตลาดปลายทางได้รับคำชื่นชมและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคชาวจีนมากขึ้น ราคามีเสถียรภาพ ลดปัญหาการใช้ทุเรียนด้อยคุณภาพเป็นข้ออ้างในการลดราคาหน้าสวน ส่งผลทำให้ชาวสวนทุเรียนมีอาชีพที่มั่นคง มีรายได้ที่ดีจากการดำเนินนโยบายควบคุมคุณภาพจากภาครัฐ
จากการแก้ไขปัญหาดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ปัจจุบันมีการปลูกทุเรียนเกิดขึ้นใหม่ในหลายพื้นที่ของประเทศไทย ซึ่งมีปัญหาทุเรียนด้อยคุณภาพที่ใหญ่มาก ยังต้องมีการดำเนินการแก้ไขปัญหาและตรวจจับทุเรียนอ่อนต่อไป จนกว่าจะมีกฎหมายที่มีประสิทธิภาพและผู้บังคับใช้กฎหมายที่เด็ดขาดมากำกับดูแล
เพื่อความยั่งยืนของภาคเกษตรไทยและรักษาพืชเศรษฐกิจของไทยที่สร้างมูลค่าให้กับประเทศไทย ให้เป็นอันดับหนึ่ง คือ “ทุเรียน” มิเช่นนั้นแล้วปัญหาราคาตกต่ำซ้ำรอยที่เคยเกิดกับพืชที่เคยเป็นพืชเศรษฐกิจไทยที่ผ่านมา อาทิ ข้าวหอมมะลิ ลำไย และมะม่วง เป็นต้น
ทั้งนี้ เป็นที่ทราบกันดีว่า “ทุเรียน” เป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้จากการส่งออกให้กับประเทศไทยถึงแสนล้านบาท มากกว่าสินค้าเกษตรอื่น ๆ
ดังนั้น กลไกขับเคลื่อนในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่กล่าวมาข้างต้นจำเป็นต้องอาศัยความคุ้นเคยในพื้นที่ มีทักษะความเชี่ยวชาญชำนาญเฉพาะด้าน และเข้าใจปัญหา มีความมุ่งมั่นในการควบคุมดูแลคุณภาพของผลไม้มารับผิดชอบโดยตรง
ซึ่ง “นายชลธี นุ่มหนู” ถือเป็นบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญชำนาญด้านผลไม้ภาคตะวันออกเป็นอย่างดี เนื่องจากมีภูมิลำเนาเกิดในพื้นที่ภาคตะวันออก ครอบครัวมีอาชีพเกษตรกรรม และเป็นข้าราชการกรมวิชาการเกษตรอยู่ในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี ไม่ต่ำกว่า 30 ปี ทำให้นายชลธี นุ่มหนู รับรู้ถึงปัญหาและแนวทางแก้ไขปัญหาทั้งระบบ ตั้งแต่การผลิตจนถึงการส่งออกได้อย่างแท้จริง ทุ่มเทแรงกายแรงใจในแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างเป็นรูปธรรม
เพื่อรักษาตลาดทุเรียนของประเทศไทย เครือข่ายองค์กรผลไม้และผู้ประกอบการส่งออก จำนวน 16 องค์กร ประกอบด้วย 1.สมาพันธ์ชาวสวนทุเรียนไทยภาคตะวันออก 2.สมาคมทุเรียนไทย 3.สมาคมชาวสวนลำไยจันทบุรี 4.กลุ่มลุ่มน้ำวังโตนด 5.สมาคมผู้ค้าและส่งออกลำไยภาคตะวันออก 6.สมาคมการค้าและการท่องเที่ยวชายแดนไทย-กัมพูชา 7.สมาคมผู้ผลิตทุเรียนไทย 8.สมาคมชาวสวนผลไม้จังหวัดชุมพร
9.หอการค้าจังหวัดจันทบุรี 10.สมาคมผู้ค้าและส่งออกผลไม้ไทย 11.สถาบันทุเรียนไทย 12.วิสาหกิจชาวสวนทุเรียนจันท์ 13.สภาเกษตรจังหวัดจันทบุรี 14.กลุ่มแปลงใหญ่ทุเรียนจันทบุรี 15.สมาคมการค้าธุรกิจเกษตรไทย-จีน 16.นายกสมาคมทุเรียนใต้
และยังมีกลุ่มเกษตรกร ทั้งจากจังหวัดระยอง ตราด จันทบุรี รวมไปถึงเกษตรกรจากภาคใต้ อาทิ จ.ตราด 1.วิสาหกิจชุมชนตลาดกลางผลไม้จังหวัดตราด (TFC) 2.วิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่ทุเรียน ท่ากุ่ม-เนินทราย จ.ตราด 3.กลุ่มเกษตรกรลานมังคุดดงกลาง จ.ตราด 4.กลุ่มเกษตรกรลานมังคุดหนองบอน จ.ตราด
5.กลุ่มแปลงใหญ่มังคุด ต.หนองบอน อ.บ่อไร่ จ.ตราด 6.ศูนย์จัดการดิน-ปุ๋ยชุมชน ต.ท่ากุ่ม อ.เมือง จ.ตราด 7.ศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชน ต.ท่ากุ่ม อ.เมือง จ.ตราด, จ.ระยอง แปลงใหญ่พงเอี้ยม วังจันท์, แปลงใหญ่เขาหินแท่น วังจันท์, แปลงใหญ่นอกฤดู ป๋าเทพ วังจันท์, แปลงใหญ่สองสลึง
ได้เล็งเห็นผลกระทบจากคำสั่งที่อ้างถึงข้างต้นต่อระบบการส่งออกทุเรียนไทยไปยังประเทศจีน ทั้งตลอดระบบห่วงโซ่คุณค่า เครือข่ายองค์กรผลไม้และผู้ประกอบการส่งออก จึงได้ลงความเห็นควรขอให้มีการ ”ทบทวนคำสั่งโยกย้าย” นายชลธี นุ่มหนู ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตร เขตที่ 6 กรมวิชาการเกษตร ให้ไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้าพืช กรมวิชาการเกษตรอีกครั้ง