กฟผ.ผนึกกฎบัตรไทย และเครือข่าย 10 มหาวิทยาลัย เตรียมเซ็น MOU นำพื้นที่รอบเขื่อนผลิตไฟฟ้าทั่วไทย ดึงเขื่อนใหญ่นำร่องก่อน “เขื่อนศรีนครินทร์-เขื่อนภูมิพล-เขื่อนวชิราลงกรณ-เขื่อนอุบลรัตน์-เขื่อนรัชชประภา-โรงไฟฟ้ากระบี่” ประกาศเข้าสู่ เขตนวัตกรรมการแพทย์ การส่งเสริมสุขภาพ แตกไลน์สู่ “ธุรกิจเวลเนส” เตรียมแผนรีโนเวตระบบสาธารณูปโภค อาคาร สถานที่ รองรับการทำเวลเนสทัวริซึ่ม-สปอร์ตทัวริซึ่ม สร้างรายได้ให้ กฟผ. และคนในชุมชนรอบเขื่อน
นายฐาปนา บุณยประวิตร นายกสมาคมการผังเมืองไทย กรรมการและเลขานุการกฎบัตรไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ในวันที่ 2 มิถุนายน 2566 ทางกฎบัตรไทยและเครือข่ายมหาวิทยาลัย 10 แห่งทั่วประเทศ ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยบูรพา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
มหาวิทยาลัยแม่โจ้ มหาวิทยาลัยพายัพ และมหาวิทยาลัยพะเยา จะได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในการนำเขื่อนผลิตไฟฟ้าของ กฟผ.ทั่วประเทศมาพัฒนาเป็นเขตนวัตกรรมการแพทย์ การส่งเสริมสุขภาพ และเขตนวัตกรรมการท่องเที่ยวมูลค่าสูง เพื่อพัฒนาและยกระดับเศรษฐกิจฐานราก ยกระดับคุณภาพชีวิต สิ่งแวดล้อมรอบชุมชน และเพิ่มมูลค่าให้กับทรัพยากรที่ กฟผ.มีอยู่ โดยใช้นวัตกรรม เทคโนโลยี การบริหารจัดการของเครือข่ายมหาวิทยาลัยเข้ามาช่วยสนับสนุนข้อมูลทางวิชาการ การถ่ายทอดองค์ความรู้ ในระยะเวลา 5 ปี
“กฟผ.ต้องการบริหารจัดการพื้นที่เหนือเขื่อนด้านเวลเนส เพื่อพัฒนาและสร้างรายได้ให้ชาวบ้านในชุมชนรอบเขื่อน ซึ่งที่ผ่านมาทุกปีจะมีการจัดสรรเม็ดเงินลงไปพัฒนาชุมชนรอบเขื่อนทั่วประเทศในลักษณะ CSR ประมาณ 2 พันล้านบาทอยู่แล้ว ยกตัวอย่าง ภาคกลางกำลังทำแผนพัฒนา 2 เขื่อนใหญ่ที่จังหวัดกาญจนบุรี ได้แก่ เขื่อนศรีนครินทร์ อ.ศรีสวัสดิ์ และเขื่อนวชิราลงกรณ อ.ทองผาภูมิ โดยมีมหาวิทยาลัยมหิดลเป็นแม่งานหลัก
ซึ่งตอนนี้กำลังทำรายละเอียดอยู่ ส่วนภาคอีสานแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มเขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น มีมหาวิทยาลัยขอนแก่นเป็นแม่งานหลัก และเขื่อนลำตะคอง และเขื่อนจุฬาภรณ์ มีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน (มรท.อีสาน) และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) เป็นแม่งานหลัก ส่วนเขื่อนภูมิพล จ.ตาก มีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ กับมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และจะมีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่มาช่วยอีกแรงด้านการแพทย์”
ผศ.ดร.ภก.ภาณุพงศ์ พุทธรักษ์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายระบบขับเคลื่อนวิจัยและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า กฟผ.อยากจะใช้สินทรัพย์คือเขื่อนต่าง ๆ ที่มีอยู่ให้มากขึ้น โดยที่ผ่านมา กฟผ.ทำ CSR กับประชาชนในพื้นที่รอบเขื่อน แต่สุดท้ายไม่มีตัวซัพพลายเชนไปสู่การพัฒนาสินค้าที่มีมูลค่าสูง จึงอยากเห็นแนวทางการบริหารรูปแบบใหม่ ๆ ที่เปลี่ยนจาก CSR เดิม จึงคิดว่าเวลเนสน่าจะเป็นตัวพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน การพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน รวมถึงทำให้ชุมชนมีสุขภาวะที่ดีขึ้น โดยใช้ตัวพื้นที่ของเขื่อน โดยเชื่อมโยงกับชาวบ้านเข้ามามีส่วนรวม
ในพื้นที่ภาคใต้จะใช้ 2 เขื่อนหลักนำร่อง ได้แก่ 1.เขื่อนรัชชประภา หรือเขื่อนเชี่ยวหลาน ต.เขาพัง อ.บ้านตาขุน จ.สุราษฎร์ธานี ใช้แนวคิด Health for Wealth เป็นนโยบายการดำเนินงาน และ 2.โรงไฟฟ้ากระบี่ ต.คลองขนาน อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ไปดูศักยภาพของพื้นที่รอบโรงไฟฟ้ากระบี่ คิดว่าน่าจะพัฒนาเป็น “เวลเนสทัวริซึ่ม” และเน้นเรื่อง “สปอร์ตทัวริซึ่ม” ได้ด้วย ซึ่งตรงกับแผนของกระบี่
“กฎบัตรไทย ร่วมกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ องค์กรเครือข่ายภาครัฐและภาคเอกชนต่าง ๆ ร่วมกันพัฒนาเวลเนสในพื้นที่ฝั่งอันดามัน และเกาะสมุยแล้ว เส้นที่เป็นตัวแลนด์บริดจ์ระหว่างอันดามันกับเกาะสมุย อ่าวไทยตรงนี้ กฟผ.น่าจะเป็นตัวช่วยขับเคลื่อนได้ดี เช่น การสนับสนุนด้านกำลังคนจากการพัฒนาคนรอบเขื่อนขึ้นมา เนื่องจากช่วงโควิดที่ผ่านมา คนที่เข้ามาทำงานในพื้นที่อันดามันได้กลับไปสู่ภูมิลำเนาจำนวนมาก ทำให้เวลเนสขาดกำลังคนจำนวนมาก
ได้คุยกับ กฟผ.จะพัฒนาคนรอบเขื่อนก่อน ถ้ามีการพัฒนากำลังคนได้มากจะส่งมาช่วยที่พื้นที่อันดามัน รวมถึงการพัฒนาด้านอาหารปลอดภัย พัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพให้เกิดขึ้น รวมถึงมีการรีโนเวตอาคารสถานที่ต่าง ๆ ภายในพื้นที่รอบเขื่อนให้สามารถรองรับแผนเวลเนสในอนาคตได้ โดยจะมีการบูรณาการข้อมูลจากทุกมหาวิทยาลัยเข้ามา โดยภาคต่าง ๆ มีเขื่อนอีกหลายแห่ง จะได้เห็นการพลิกโฉมใหม่ ๆ ของ กฟผ. น่าจะสะท้อนจากเดิมพัฒนาด้านไฟฟ้า ตอนนี้น่าจะมีมิติที่เป็นด้านเวลเนส”
แหล่งข่าวจาก กฟผ.เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า สำหรับแผนเบื้องต้นของเขื่อนรัชชประภา หรือเขื่อนเชี่ยวหลาน ปัจจุบันมีโครงการพลังงานสีเขียว (Green Energy) หรือพลังงานสะอาด ซึ่งตรงกับแผนของเวลเนส มีบริการห้องพักต่าง ๆ มีห้องอาหาร ห้องประชุม สนามกอล์ฟ มีกิจกรรมเพื่อส่งเสริมเวลเนสได้ หากมีการปรับเปลี่ยนจากห้องพักในเขื่อนไปเน้นการดูแลฟื้นฟูสุขภาพ จะสามารถพัฒนาชุมชนให้ผลิตผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองการฟื้นฟูสุขภาพ
โดยนำการวิจัยและนวัตกรรมไปเติม และพอพัฒนาตรงนั้นได้ จะทำให้ผลิตภัณฑ์ชุมชนถูกยกระดับ แทนที่จะเป็นเพียงสินค้าโอท็อป ต้องมาขึ้นทะเบียนกับ อย. กระทรวงสาธารณสุข ให้ถูกต้อง เป็นการยกระดับสินค้า และเพิ่มช่องทางการตลาดได้อย่างดี