ไฮซีซั่นภูเก็ต พนักงานโรงแรมรับเซอร์วิสชาร์จสูงสุดเดือนละเฉียดแสน

ธุรกิจโรงแรมเมืองท่องเที่ยวระรื่น ลูกค้าต่างชาติกลับมาแล้ว “ภูเก็ต” คึกยอดเซอร์วิสชาร์จไฮซีซั่นพุ่งแรงเป็นประวัติการณ์ สูงสุดเฉียดแสนบาทต่อคนต่อเดือน ดีกว่าช่วงโควิด 3 เท่าตัว ชี้ผู้ประกอบการโรงแรมเปลี่ยนแนวรุกเน้นรับงานอีเวนต์ ลดพนักงานประจำลง 30% เปลี่ยนเป็นลูกจ้างชั่วคราว สภาอุตฯท่องเที่ยวชี้อู้ฟู่เฉพาะโรงแรมใหญ่

นายธราพงษ์ เดชอักษร ประธานชมรมบริหารงานบุคคลจังหวัดภูเก็ต เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปีนี้ถือว่ายอดเซอร์วิสชาร์จโรงแรมในจังหวัดภูเก็ต ในช่วงไฮซีซั่นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่เปิดโรงแรมมา โดยดีกว่าช่วงก่อนโควิด-19 ถึง 3 เท่า เทียบเฉลี่ยช่วงไฮซีซั่นก่อนโควิด-19 เซอร์วิสชาร์จเฉลี่ยต่ำสุด 3,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 40,000 บาทต่อคนเดือน แต่ไฮซีซั่นปีนี้เซอร์วิสชาร์จเฉลี่ยต่ำสุด 7,000 บาทต่อคนต่อเดือน และสูงสุดในเดือนมกราคม 2567 กว่า 90,000 บาทต่อคนต่อเดือน และบางโรงแรมบวกโบนัสเพิ่มให้อีก

“ปกติเซอร์วิสชาร์จโรงแรมจะเริ่มแข่งกันช่วงไฮซีซั่น 5 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน-มีนาคมของทุกปี เดือนเมษายนเริ่มโลว์ซีซั่นแล้ว ปีนี้กำลังจ่ายของแขกน่าจะสูงขึ้นในโรงแรมระดับลักเซอรี่ 5 ดาว หลังโควิดหลายโรงแรมเปลี่ยนรูปแบบการรับพนักงานประจำลดลง 20-30% เปลี่ยนมารับพนักงานชั่วคราวแรงงานที่เป็นลูกจ้างรายวัน จะเน้นจ้างงานตามอีเวนต์ที่ได้รับมากขึ้น

เช่น จ้างมาเฉพาะงานแต่งงาน งานปาร์ตี้สังสรรค์ที่เป็นกรุ๊ปใหญ่ จะเน้นการจ้างงานแบบรายวัน 1-3 วัน หลังจากจบงานก็ไม่มีการจ้างต่อ ซึ่งลูกจ้างชั่วคราวเหล่านี้จะไม่ได้ส่วนแบ่งเซอร์วิสชาร์จ

แต่ถ้าเป็นโรงแรมขนาดเล็กระดับ 3 ดาว ระดับ 4 ดาว จะจ้างพนักงานประจำมากกว่า เพราะอาจจะหาคนมาทำงานยากกว่า เพราะคนส่วนใหญ่มุ่งไปทำโรงแรมขนาดใหญ่ 5 ดาว แม้จะเป็นพนักงานชั่วคราว แต่หลายคนหวังว่าทำไปสัก 1-2 ปีอาจจะได้มีโอกาสบรรจุเป็นพนักงานประจำ”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จังหวัดภูเก็ตและเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี จะมีโรงแรมที่จ่ายเซอร์วิสชาร์จสูง โดยเฉพาะช่วงเดือนธันวาคม 2023-มกราคม 2024 เช่น โรงแรมเจดับบลิว แมริออท จ่ายเซอร์วิสชาร์จสูงสุดเป็นอันดับ 1 ในโรงแรมในจังหวัดภูเก็ตทั้งหมดมาตลอดเมื่อเดือนมกราคม 2023 จ่าย 79,980.80 บาท

แต่เดือนมกราคม 2024 จ่ายเซอร์วิสชาร์จสูงสุดกว่าโรงแรมทั้งหมดตอนนี้ 95,733.22 บาท, โรงแรมอนันตรา ลายัน ภูเก็ต รีสอร์ท 71,715 บาท, โรงแรมโฟร์ ซีซั่นส์ สมุย 69,787.00 บาท, โรงแรม OZO ภูเก็ต 57,788 บาท, โรงแรมอนันตรา ภูเก็ต 48,470 บาท+โบนัส 1.5 เดือน, โรงแรมทราย ลากูนา ภูเก็ต 46,239 บาท, โรงแรมภูเลเบย์ กระบี่ 46,229 บาท, ทราย พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ 43,460 บาท เป็นต้น

โรงแรม 5 ดาวฟื้นตัว

นายศึกษิต สุวรรณดิษฐกุล นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปีนี้โรงแรมที่จ่ายเซอร์วิสชาร์จสูงมากส่วนใหญ่เป็นโรงแรมเชนดังระดับ 5 ดาว ซึ่งอัตราการเข้าพักในช่วงไฮซีซั่นสูง และโรงแรมระดับ 5 ดาวเหล่านี้ฟื้นตัวมาประมาณ 2 ปีแล้ว และไฮซีซั่นปีนี้ถือว่าฟื้นตัวขึ้นมาดีกว่าช่วงก่อนโควิด-19 ด้วย และนักท่องเที่ยวที่มาพักส่วนใหญ่มีกำลังซื้อสูง ส่วนโรงแรมระดับ 4 ดาวยังมีรายได้ใกล้เคียงกับช่วงโควิด

ขณะที่โรงแรมระดับ 3 ดาวยังไม่ค่อยฟื้นเท่ากับช่วงก่อนโควิด-19 ยังคงรอทัวร์นักท่องเที่ยวจีน แต่ตอนนี้นักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาเป็นกลุ่มที่เข้ามาด้วยตัวเอง (FIT) แต่เทียบตัวเลขแล้วจีนยังเข้ามาเพียง 30%

นอกจากนี้ หลังสถานการณ์โควิด-19 ทุกโรงแรมเปลี่ยนรูปแบบการจ้างพนักงานประจำลดลงไปเฉลี่ยประมาณ 20-30% เพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะโรงแรมระดับ 5 ดาว ซึ่งมีการจ่ายค่าจ้างสูง สามารถเลือกรูปแบบการจ้างงานแบบประจำชั่วคราว รายวัน เช่น ช่วงไฮซีซั่นจะจ้างพนักงานรายวันมากขึ้น ทำให้พนักงานประจำได้เซอร์วิสชาร์จมากขึ้น

ปัจจุบันโรงแรมที่ถูกต้องตามกฎหมายในจังหวัดภูเก็ตมี 933 แห่ง มีห้องพักรวม 70,000 ห้อง แต่ถ้าการขายผ่านระบบออนไลน์ Online Travel Agency หรือ OTA ประมาณ 2 แสนห้อง รวมเป็นผู้ประกอบการประมาณ 3,000 แห่ง ยอดนี้รวมถึงที่พักประเภทคอนโดมิเนียม อพาร์ตเมนต์ หอพัก วิลล่าด้วย

ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า โรงแรมในภูเก็ตมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยเดือนมกราคม-พฤศจิกายน 2566 ประมาณ 74.51% ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยประมาณ 32,645.39 บาทต่อคนต่อทริป

ภูเก็ตตั้งเป้ารายได้ 4 แสนล้าน

นายธเนศ ตันติพิริยะกิจ นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ส่งเสริมการท่องเที่ยวตลาดภายในประเทศและต่างประเทศประจำปี 2567 โดยปีนี้จะส่งเสริมการท่องเที่ยวโรดโชว์ไปต่างประเทศ รวมทั้งเทรดโชว์ รวมทั้งหมด 14 รายการ แบ่งเป็นทวีปเอเชียและทวีปยุโรป ส่งเสริมทุกตลาด มีทั้งตลาดเก่าและตลาดใหม่

ตลาดเก่าคือฝั่งยุโรป ตลาดใหม่คือคาซัคสถาน CIS และ Middle East ได้ส่งเสริมการท่องเที่ยวเรียบร้อยแล้ว ดังนั้น ในปี 2567 ตั้งเป้ารายได้การท่องเที่ยวกว่า 4 แสนล้านบาท ซึ่งกลับมาใกล้เคียงกับปี 2562 ก่อนโควิด ขณะที่ปี 2566 มีรายได้ท่องเที่ยวกว่า 3 แสนล้านบาท แต่ปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวน้อยกว่า แต่เป็นจำนวนนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพมากกว่าปี 2562

นักท่องเที่ยวหลักที่เดินทางเข้ามาภูเก็ตจำนวนมากสุด 10 อันดับ ได้แก่ รัสเซีย จีน อินเดีย ออสเตรเลีย อังกฤษ มาเลเซีย เยอรมนี คาซัคสถาน เกาหลีใต้ และสิงคโปร์โดยเฉพาะเป้าหมายของปี 2024 คาดหวังว่า จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาภูเก็ตจำนวนมากกว่า 7,500,000 ล้านคน

ด้านนายธนวัต อ่องเจริญ อุปนายกฝ่ายการตลาดต่างประเทศ สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า แผนงานโรดโชว์ต่างประเทศประจำปี 2567 เดือนมกราคมไปซาอุดิอาระเบีย เดือนกุมภาพันธ์ SATTE อินเดีย, มีนาคม มิลาน อิตาลี, ซูริก สวิสเซอร์แลนด์, เบอร์ลิน เยอรมัน ฮ่องกง, ไต้หวัน, เดือนเมษายน จีน, เดือนพฤษภาคม IMEX เยอรมัน, ATM Dubai และมิถุนายน เวียดนาม, สิงหาคม รัสเซีย

สถิตินักท่องเที่ยวปี 2562 วิกฤตโควิด) จำนวน 5,430,976 คน มีการฟื้นตัว 70.8% จากปี 2022 นักท่องเที่ยว 1,611,757 คน มีการฟื้นตัว 238.56% ปี 2023 นักท่องเที่ยว 3,845,012 คน

โดยตลาดที่ยังไม่กลับคืนมีจีน ซึ่งเป็นตลาดกรุ๊ปส่วนใหญ่ ในขณะที่ทุกตลาดเติบโตกลับมาเท่าเดิมจากปี 2562 เรียบร้อยแล้ว โดยส่วนใหญระยะเวลาพำนักยาวนานมากขึ้นกว่าเดิม

นักท่องเที่ยวหลักที่เดินทางเข้ามาภูเก็ตจำนวนมากสุด 10 อันดับได้แก่ รัสเซีย จีน อินเดีย ออสเตรเลีย อังกฤษ มาเลเซีย เยอรมัน คาซัคสถาน เกาหลีใต้ สิงคโปร์ โดยเฉพาะป้าหมายของปี 2024 คาดหวังว่า จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาภูเก็ตจำนวน มากกว่า 7,500,000 ล้านคน

“ทางสมาคมฯตั้งใจทำตลาดต่างประเทศ ในหน้า Green Season เพราะว่าหน้าไฮซีซั่น ถือว่าค่อนข้างทำได้ดีอยู่แล้วเพราะตลาดยุโรปรวมทั้งตลาดอื่น ๆ เข้ามาจำนวนมากได้รับการตอบรับค่อนข้างดี ปีนี้นักท่องเที่ยว กลับมาจากปีที่แล้วกว่า 200% คิดว่าทุกตลาดกลับมาอย่างน้อย 100% เมื่อเทียบกับก่อนโควิดเรียบร้อยแล้ว ยกเว้นตลาดจีนตลาดเดียว

อู้ฟู่แค่โรงแรมหรู

แหล่งข่าวจากสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การเติบโตด้านรายได้ของธุรกิจโรงแรมนั้น ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มโรงแรมหรูที่เป็นเครือข่ายอินเตอร์เป็นหลัก สะท้อนชัดเจนว่านักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาส่วนใหญ่เป็นกลุ่มระดับบน และน่าจะทำให้มีการใช้จ่ายต่อคนต่อหัวเพิ่ม

“ที่ผ่านมาผู้ประกอบการโรงแรมขนาดใหญ่แบรนด์อินเตอร์ ใช้ศักยภาพของเครือข่ายที่มีอยู่ทั่วโลกในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้า บวกกับภูเก็ตเป็นจังหวัดที่เปิดรับนักท่องเที่ยวก่อนพื้นที่อื่น ทำให้มีดีมานด์และสามารถปรับขึ้นราคาห้องพักของกลุ่มโรงแรมหรู ส่วนใหญ่ขยับไปอยู่ในระดับที่สูงกว่าช่วงก่อนระบาดโควิด-19 ซึ่งอาจจะมีเพียงแค่ประมาณ 10% ของตลาดรวม” แหล่งข่าวกล่าวและว่า ในทางกลับกันผู้ประกอบการรายเล็กจำนวนมากไม่มีศักยภาพในการแข่งขัน และยังคงเห็นภาพการเปลี่ยนมือต่อเนื่องจากปัญหาการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเหมือนเดิม