
สุโขทัย อ.เมืองยัง “ยันอยู่” แต่ 2 อำเภอยังหนัก “อ.สวรรคโลก อ.ศรีสัชนาลัย“ แม่น้ำยมเพิ่มระดับสูงขึ้น ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ผู้ว่าฯประชุมประเมินสถานการณ์รับมือ ช่วยเหลือ ปภ.เตือน 31 จังหวัด เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน
วันที่ 26 สิงหาคม 2567 รายงานข่าวจากจังหวัดสุโขทัยแจ้งว่า เช้าวันนี้ นายสุชาติ ทีคะสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย เป็นประธานการประชุมหัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ คณะทำงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสรุปสถานการณ์อุทกภัยในจังหวัดสุโขทัย
โดยมีนายณัฏฐพงศ์ สุขวิสิฏฐ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย นางสงวน มะเสนา รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย นางสาวสรินรัตน์ เกิดสกุลรุ่งโรจน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย พ.อ.เฉลิม ศรีเจริญ รอง ผอ.รมน.จังหวัดสุโขทัย นายพล เชื้อทหาร หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุโขทัย นายโสภัญญ์ ศรีสว่างวรกุล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานสุโขทัย หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม
- อ.ศรีสัชนาลัย สถานการณ์หนักสุดที่ ต.แม่สิน น้ำเริ่มเข้าบ้านเรือนประชาชน
- อ.สวรรคโลก มีผลกระทบในพื้นที่บางส่วนของ ต.ท่าทอง ต.คลองกระจง มีน้ำท่วมถนนบางสาย และบ้านเรือน
- อ.เมืองสุโขทัย เสริมพนังกั้นน้ำอย่างเต็มที่ แต่น้ำมีปริมาณมาก พื้นที่ ม.5 ต.ยางซ้าย ต.ปากพระประชาชนเก็บเกี่ยวพืชผลแล้ว 80% พื้นที่หมู่ 1 และหมู่ 4 ปากแคว ต้องเฝ้าระวังโดยตลอด
- อ.ศรีนคร สถานการณ์ยังทรงตัว
- อ.กงไกรลาศ มีการบริหารจัดการพร้อมรับอย่างเต็มที่เฝ้าระวังพื้นที่จุดเสี่ยง
- อ.ศรีสำโรง ต.วังใหญ่ เสี่ยงล้นตลิ่งทุกจุด
ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัยสั่งการให้ทุกอำเภอเสริมเฝ้าระวังความแข็งแรงของแนวคันกั้นน้ำ โดยเฉพาะ อ.สวรรคโลกและ อ.ศรีสำโรง เพราะการระบายน้ำต้องใช้เวลาพอสมควร ให้ย้ำผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่นอย่าประมาท เน้นมาตรการเสริมความแข็งแรง แนวคันกั้นน้ำพร้อมเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง
เน้นการป้องกัน การแจ้งเตือนประชาชนให้ยกของขึ้นที่สูง โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงต้องวางแผนกำหนดคนในพื้นที่ จัดลำดับความจำเป็นเร่งด่วน จัดชุดประจำตำบลเพื่อซักซ้อมความเข้าใจกับประชาชน ส่วนที่ยังไม่เกิดความเสียหาย มอบนายอำเภอลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับประชาชนเพื่อเตรียมความพร้อม
การจัดเตรียมกำลังพล ให้เข้าพื้นที่ในอำเภอที่ประสบเหตุโดยปฏิบัติหน้าที่ในนามของจังหวัดสุโขทัยและหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน ถึงแนวทางการทำงานของจังหวัดในการดูแลประชาชน ให้ดำเนินการตั้งศูนย์ประสานงานในการบริหารจัดการร่วมกัน เพื่อความเป็นระบบในการดำเนินงาน
สำหรับสถานการณ์ในภาพรวม วันที่ 27 สิงหาคม 2567 คาดว่าจะมีมวลน้ำสูงสุดจากจังหวัดแพร่ไหลผ่าน อ.ศรีสัชนาลัย ประมาณ 1,500-1,600 ลบ.ม.ถ้าไม่มีฝนตกเพิ่ม จะเข้าสู่ อ.เมืองสุโขทัยในวันที่ 28-29 สิงหาคม 2567 ปัจจุบันระดับน้ำในพื้นที่ อ.เมืองยังคงทรงตัว
ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย สั่งการให้ทุกหน่วยเฝ้าระวัง พร้อมเข้าเผชิญเหตุตลอด 24 ชั่วโมง เน้นความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก การจัดเตรียมถุงยังชีพ เครื่องอุปโภคบริโภค ข้าวกล่อง น้ำดื่ม ยารักษาโรค โดยประเมินจากความต้องการของผู้ประสบภัย เน้นระดมการมีส่วนร่วมในการดูแลประชาชน และต้องมีการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ โดยรายงานการปฏิบัติงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบทุกระยะเพื่อประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
รายงานข่าวจาก อ.ศรีสัชนาลัยแจ้งว่า สถานการณ์อุทกภัยยังไม่ดีขึ้น โดยแม่น้ำยม บริเวณบ้านหาดเสี้ยว อ.ศรีสัชนาลัย วัดระดับน้ำเวลา 09.30 น. ณ วันที่ 26 สิงหาคม 2567 ได้ 11.10 เมตร ระดับล้นฝั่ง 12.00 เมตร
เทศบาลเมืองสุโขทัยรายงานว่า พระสงฆ์-สามเณร วัดราชธานี อ.เมืองสุโขทัย ร่วมกันวางกระสอบทรายเสริมแนวพนังกั้นน้ำ ป้องกันน้ำล้นไหลเข้าวัดราชธานี
ทางด้านกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้งเตือน 31 จังหวัด ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และคลื่นลมแรง ในช่วงวันที่ 26-29 ส.ค. 67 กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ สภาพน้ำ ปริมาณฝน และแนวโน้มสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมจัดทีมปฏิบัติการและเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยงเพื่อเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีที่เกิดภัย รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนให้ติดตามพยากรณ์อากาศและปฏิบัติตามประกาศเตือนภัยอย่างเคร่งครัด
พื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่ม
ภาคเหนือ 12 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน (อ.เมือง อ.ปาย อ.ปางมะผ้า) เชียงใหม่ (อ.แม่อาย อ.ฝาง อ.เชียงดาว อ.ไชยปราการ อ.พร้าว อ.จอมทอง อ.ฮอด) เชียงราย (อ.เมือง อ.แม่สาย อ.เชียงแสน อ.เชียงของ อ.แม่จัน อ.เวียงชัย อ.พญาเม็งราย อ.เวียงแก่น อ.ขุนตาล อ.เทิง อ.ป่าแดด อ.พาน) ลำปาง (อ.วังเหนือ อ.เมืองปาน อ.งาว อ.เสริมงาม) พะเยา (อ.ภูซาง อ.ปง อ.เชียงคำ อ.จุน อ.ดอกคำใต้ อ.ภูกามยาว)
แพร่ (อ.เมือง อ.สอง อ.เด่นชัย อ.วังชิ้น) น่าน (อ.เมือง อ.สองแคว อ.ทุ่งช้าง อ.เชียงกลาง อ.ท่าวังผา อ.เฉลิมพระเกียรติ อ.ปัว อ.บ่อเกลือ) อุตรดิตถ์ (อ.เมือง อ.ท่าปลา อ.ทองแสนขัน) ตาก (อ.เมือง อ.ท่าสองยาง อ.แม่สอด อ.แม่ระมาด) สุโขทัย (อ.ศรีสัชนาลัย อ.ทุ่งเสลี่ยม) พิษณุโลก (อ.วังทอง อ.ชาติตระการ อ.วัดโบสถ์ อ.นครไทย) และเพชรบูรณ์ (อ.เมือง อ.หล่มเก่า อ.หล่มสัก)
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5 จังหวัด ได้แก่ เลย (อ.นาแห้ว อ.ด่านซ้าย อ.ภูเรือ อ.ท่าลี่ อ.เชียงคาน) หนองคาย (อ.เมือง อ.สังคม) บึงกาฬ (อ.เมือง อ.บุ่งคล้า อ.เซกา อ.โซ่พิสัย) หนองบัวลำภู (อ.สุวรรณคูหา) และอุดรธานี (อ.นายูง อ.บ้านดุง อ.น้ำโสม)
ภาคกลาง 8 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี (อ.สังขละบุรี อ.ทองผาภูมิ) นครนายก (อ.เมือง อ.ปากพลี) ปราจีนบุรี (อ.กบินทร์บุรี อ.นาดี) ชลบุรี (อ.ศรีราชา อ.บางละมุง) ระยอง (อ.เมือง อ.แกลง อ.บ้านค่าย) จันทบุรี (อ.เมือง อ.เขาคิชฌกูฏ อ.สอยดาว อ.โป่งน้ำร้อน อ.มะขาม อ.ขลุง) ตราด (ทุกอำเภอ) และประจวบคีรีขันธ์ (อ.บางสะพาน อ.บางสะพานน้อย)
ภาคใต้ 6 จังหวัด ได้แก่ ระนอง (ทุกอำเภอ) พังงา (อ.เมือง อ.คุระบุรี อ.ตะกั่วป่า อ.กะปง อ.ท้ายเหมือง) ภูเก็ต (ทุกอำเภอ) กระบี่ (อ.เมือง อ.เหนือคลอง อ.อ่าวลึก อ.คลองท่อม อ.ปลายพระยา อ.เกาะลันตา) ตรัง (อ.เมือง อ.ปะเหลียน อ.นาโยง อ.กันตัง อ.สิเกา อ.ห้วยยอด อ.วังวิเศษ) และสตูล (อ.เมือง อ.ควนโดน อ.ควนกาหลง อ.ทุ่งหว้า อ.มะนัง)
พื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์คลื่นลมแรง
ภาคใต้ 3 จังหวัด ได้แก่ ระนอง (อ.เมือง อ.สุขสำราญ อ.กะเปอร์) พังงา (อ.เกาะยาว อ.ตะกั่วทุ่ง อ.ท้ายเหมือง อ.ตะกั่วป่า อ.คุระบุรี) และภูเก็ต (ทุกอำเภอ)