เจ้าหนี้ขวาง”โชติเทวัญ” ยื่นศาลทวงคืนสหฟาร์ม

ตระกูลโชติเทวัญทวงคืนสหฟาร์ม ยื่นศาลล้มละลายกลางขอเปลี่ยนผู้บริหารแผน อ้างบริหารงานผิดพลาด ด้านกรุงไทยเจ้าหนี้รายใหญ่ยืนยันผู้บริหารแผนทำงานเข้าเป้า สร้างผลกำไร-ไถ่ถอนหลักทรัพย์คืนเจ้าหนี้ก่อนกำหนด

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า จากกรณีบริษัท สหฟาร์ม จำกัด และบริษัท โกลเด้น ไลน์ บิสซิเนส จำกัด ผู้ผลิตและส่งออกไก่รายใหญ่ของตระกูลโชติเทวัญ มีหนี้สินล้นพ้นตัวต้องเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ โดยศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 23 ก.ค. 2557 ให้บริษัท อีวาย คอร์ปอเรท แอดไวซอรี่ เซอร์วิสเซส จำกัด (EY) เป็นผู้ทำแผนฟื้นฟูกิจการ โดยบริษัทสหฟาร์มมีหนี้สินรวม 14,110,87 ล้านบาท และบริษัทโกลเด้น ไลน์ฯมีหนี้สิน 12,524.47 ล้านบาท มีเวลาฟื้นฟู 10 ปี (2558-2567)

แหล่งข่าวจากวงการปศุสัตว์ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ดร.ปัญญา โชติเทวัญ เจ้าของเดิมบริษัท สหฟาร์ม จำกัด ได้ยื่นเรื่องต่อศาลล้มละลายกลางตามคดีหมายเลขดำที่ ฟ.2/2557 และคดีหมายเลขแดงที่ ฟ.9/2557 ในฐานะกรรมการลูกหนี้ และกรรมการบริษัทในเครือ พร้อมด้วยนายคุณภัส โชติเทวัญ, บริษัท เบสท์ ซิคส์ จำกัด (เจ้าหนี้รายที่ 3280), บริษัท ชิงธง จำกัด (เจ้าหนี้รายที่ 3297), บริษัท ฟู้ด ฟอร์เดอะเวิลด์ จำกัด (เจ้าหนี้รายที่ 3309), บริษัท โพรเกรส อินเตอร์ฟาร์ม จำกัด (เจ้าหนี้รายที่ 3313) และบริษัท สหฟาร์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด โดยขอให้ศาลมีคำสั่งให้บริษัทอีวายฯ ผู้ทำแผนฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้พ้นจากตำแหน่งผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ โดยระบุเหตุผลว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทอีวายฯได้บริหารงานผิดพลาดหลายประการ ทำให้ลูกหนี้เสียหาย และเพื่อมิให้ธุรกิจของลูกหนี้ต้องหยุดชะงักและประสบความเสียหาย จึงขอให้ศาลมีคำสั่งให้ ดร.ปัญญาเป็นผู้บริหารแผนชั่วคราวของลูกหนี้ จนกว่าศาลจะมีคำสั่งตั้งผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการคนใหม่ ทั้งนี้ศาลล้มละลายกลางจะนัดไต่สวนคำร้องดังกล่าวในต้นเดือน ส.ค. 2561

แหล่งข่าวจากเจ้าหนี้การค้า เปิดเผยว่า หลังจาก ดร.ปัญญายื่นเรื่องต่อศาลล้มละลายกลาง กลุ่มเจ้าหนี้การค้าหลายรายทราบเรื่อง จึงได้ยื่นหนังสือคัดค้าน การกลับเข้ามาเป็นผู้บริหารแผนของผู้บริหารชุดเดิมไปยังศาลล้มละลายกลาง โดยเห็นว่า ตลอดเวลา 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทอีวายฯบริหารงานได้ดี สามารถจ่ายชำระหนี้ได้ตามแผน และตรวจสอบได้

ขณะที่นายปริญญา พัฒนภักดี รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานปรับโครงสร้างหนี้และบริหารทรัพย์สิน ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า กรณีบริษัทโกลเด้นไลน์ฯ บริษัทลูกของสหฟาร์มซึ่งเป็นบริษัทลูกหนี้ของธนาคารกรุงไทย ออกมาเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนผู้บริหารแผน จากบริษัทอีวาย คอร์ปอเรท แอดไวซอรี่ เซอร์วิสเซสนั้น ทั้งนี้การเปลี่ยนผู้บริหารแผนจำเป็นต้องมีมติการเห็นชอบร่วมกันของบริษัทเจ้าหนี้ ที่มีทั้งธนาคารและเจ้าหนี้รายอื่นลงมติเห็นชอบร่วมกัน

“อำนาจตัดสินใจเปลี่ยนผู้บริหารแผน เป็นของเจ้าหนี้ ไม่ใช่สหฟาร์มหรือโกลเด้นไลน์ฯ ซึ่งสหฟาร์มเป็นลูกหนี้ ก็มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามมติของเจ้าหนี้ และเดินตามแผนฟื้นฟู” นายปริญญากล่าวและว่า นอกจากนี้เชื่อว่า การบริหารแผนฟื้นฟูสหฟาร์ม ภายใต้การดูแลแผนของบริษัทอีวายฯ ที่ผ่านมามีการทำงานเป็นขั้นตอนตามแผนงานที่วางไว้และมีประสิทธิภาพ อีกทั้งอีวายฯยังหารือร่วมกับคณะกรรมการเจ้าหนี้ และแบงก์เจ้าหนี้ 4 ราย เพื่อให้การแก้ไขปัญหาของสหฟาร์มเดินไปตามแผนและแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี

นายปริญญากล่าวว่า ในฐานะที่เป็นหนึ่งในแบงก์เจ้าหนี้เชื่อว่า ไม่มีความจำเป็นที่ต้องเปลี่ยนผู้บริหารแผน เพราะผู้บริหารแผนทำงานอย่างมีประสิทธิภาพอยู่แล้ว ทั้งการเดินตามแผนการชำระหนี้คืนให้กับเจ้าหนี้ได้ตามกำหนด รวมถึงเดินหน้าซื้อหลักทรัพย์ค้ำประกัน ที่ตกไปเป็นของแบงก์เจ้าหนี้ โอนกลับมาให้สหฟาร์มได้ตามแผน และก่อนกำหนดที่แผนฟื้นฟูกำหนดไว้ด้วยซ้ำ

“ผู้บริหารแผนทำได้ตามเป้าหมาย ทั้งแง่การทำธุรกิจ จากกำลังการผลิตเป็นศูนย์ จนมีกำลังการผลิตไก่ 6 แสนตัวต่อวัน สร้างกำไร ทำให้สหฟาร์มมีเงินชำระหนี้ และเอาเงินมาซื้อหลักทรัพย์คืน ซึ่งทำได้ก่อนกำหนด จากกำหนดเดิมให้ซื้อคืนภายใน ส.ค. แต่วันนี้หลักทรัพย์บางส่วน อีวายฯทำแผนซื้อคืนเกือบครบแล้ว เหลือเพียงชำระหนี้บางส่วน” นายปริญญากล่าว