“มีดี8” ร้านของฝากเมืองกาญจน์ ส่งออกติดลบ-ยอดขายวูบ-อัดโปรลด 50%

สัมภาษณ์

ในช่วงสถานการณ์ที่มีการแพร่เชื้อระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อธุรกิจต่าง ๆ เป็นวงกว้างไม่เว้นแม้แต่ธุรกิ0ร้านขายของฝาก “ประชาชาติธุรกิจ” มีโอกาสสัมภาษณ์ “ไมตรี ชัยมงคลานนท์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท มีดี 8 จำกัด ผู้ประกอบการร้านแก้วของฝาก จังหวัดกาญจนบุรี ที่มีการทำธุรกิจร้านขายของฝาก และผลิตขนมต่าง ๆ มานานกว่า 10 ปี และยังขยายธุรกิจส่งออกไปหลายประเทศ ทั้งสหรัฐ ออสเตรเลีย แคนาดา ยอดขายรวมไม่ต่ำกว่า 250 ล้านบาทต่อปี

“ไมตรี” เล่าว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ ทั้งการส่งออกและการขายภายในประเทศ โดยเฉพาะการผลิตทองม้วนกรอบส่งออกไปต่างประเทศกว่า 90% โดยมีรายได้จากการส่งออกประมาณ 250 ล้านบาทต่อปี ได้รับผลกระทบเมื่อกลางเดือนเมษายน 2563 เนื่องจากออร์เดอร์ลดลงกว่าปกติและไม่มีความต่อเนื่อง จึงจำเป็นต้องหยุดกระบวนการผลิตและรอคำสั่งซื้อให้ได้ปริมาณที่คุ้มค่าต่อการเปิดไลน์การผลิตใหม่ คาดว่ากลางเดือนพฤษภาคมเข้าสู่ต้นเดือนมิถุนายน ออร์เดอร์คำสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศจะกลับเข้ามา แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ 100% เมื่อไหร่

“ตอนนี้มียอดคำสั่งซื้อจากต่างประเทศเข้ามาบ้างแต่ไม่มากนัก ประมาณ 3-5 ตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งเราจะรอสะสมยอดการสั่งซื้อให้ได้ปริมาณมากก่อนจึงจะคุ้มค่าต่อการเปิดไลน์การผลิตใหม่ และเรียกพนักงานบางส่วนกลับมาทำงาน”

ส่วนร้านแก้วของฝากมีเพียง1 สาขา คือสาขาท่าม่วง แน่นอนว่าร้านของฝากได้รับผลกระทบโดยตรงจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่หายไป ทำให้ยอดขายสินค้าหยุดชะงักหดหายไปมากกว่า 80% ปัจจุบันมีการเปิดร้านจำหน่ายสินค้าตามปกติ พอมีลูกค้ากลุ่มรถยนต์ส่วนตัวแบบครอบครัวบ้าง แต่ในส่วนที่หายไป 100% คือกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เป็นกรุ๊ปทัวร์ รถตู้ทัวร์ ซึ่งเราได้ปรับตัวโดยจัดโปรโมชั่นลดราคาสินค้าภายในร้านตั้งแต่ 20-50% เปลี่ยนศูนย์อาหารจากเดิมที่ทำข้าวแกงเป็นร้านอาหารตามสั่ง เป็นการลดขนาดร้านให้เล็กลง เน้นการจำหน่ายสินค้าให้กับกลุ่มลูกค้ารถยนต์ส่วนตัวมากยิ่งขึ้น

หยุดไลน์การผลิตของบริษัท มีเดียฟู๊ด จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานผลิตสินค้าส่งร้านแก้วของฝาก และโมเดิร์นเทรดต่าง ๆ เช่น มะขามกวนแก้ว น้ำมะขาม เบเกอรี่ขนมเปี๊ยะ ฯลฯ ปัจจุบันการผลิตโดยรวมลดลงเกือบ 50% แต่คาดว่าหลังเดือนพฤษภาคมลูกค้าจะกลับเข้ามาใหม่ เมื่อคนไทยเริ่มเชื่อมั่นและออกเดินทางท่องเที่ยว

“ถึงแม้จะมีการร้านเปิดได้ตามปกติ แต่เนื่องด้วยสินค้าเราส่วนใหญ่เน้นการส่งออกจำหน่ายไปตลาดต่างประเทศ เช่น สหรัฐ ออสเตรเลีย แคนาดา จีน เป็นต้น คาดว่ายอดขายคงยังไม่กลับมาในเร็ว ๆ นี้ ส่วนตลาดในประเทศ ร้านแก้วของฝากฯต้องดูเรื่องการท่องเที่ยวในเมืองไทยด้วย หวังว่าหลังกลางเดือนพฤษภาคมจะมีการเดินทางของกลุ่มนักท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น โดยเรามีการปรับตัวจากเดิมที่เคยเน้นขายสินค้าให้กลุ่มรถทัวร์ จะเน้นไปทางกลุ่มรถยนต์ส่วนตัวที่มาแบบครอบครัว เพราะฉะนั้นเซลส์ของเราที่ออกไปหาลูกค้าตามแหล่งท่องเที่ยวติดต่อทางด้านรถทัวร์ คงต้องหันไปประชาสัมพันธ์กลุ่มรถยนต์ส่วนตัวที่เข้ามาตามแหล่งท่องเที่ยวแทน ซึ่งจากเดิมที่รถยนต์ส่วนตัวทางร้านจะอาศัยแค่การมีชื่อเสียงก็มีลูกค้าเข้าร้าน อย่างไรก็ตามเราหวังว่าช่วงปลายปี 2563 ที่มีเทศกาลต่าง ๆ ถ้ารัฐบาลยอมให้ประชาชนขึ้นรถทัวร์และออกเดินทางท่องเที่ยวได้แล้ว กลุ่มรถทัวร์จะค่อย ๆ คืนสู่ภาวะปกติ”

สำหรับพนักงานบริษัทในกลุ่มมีทั้งหมดกว่า 200 คน เราพยายามจะรักษาบุคลากรไว้ให้มากที่สุด เนื่องจากพนักงานที่มีค่าครองชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว และอีกอย่างคือพนักงานมีความเชี่ยวชาญและชำนาญในการผลิตสินค้า เพราะว่าทำงานด้วยกันมานาน หากมีการปิดกิจการเราจะสูญเสียพนักงานที่มีคุณภาพไป ทั้งนี้ พนักงานที่มีรายได้ขาดหายไปจะได้เงินช่วยเหลือเยียวยาจากประกันสังคมและทางบริษัทก็เพิ่มเงินให้บางส่วน นอกจากนี้ทางบริษัทยังได้มีการแจกข้าวสารและเลี้ยงอาหารบางมื้อ นอกจากนี้เมื่อโรงงานกลับมาดำเนินงานตามปกติ พนักงานจะได้รับเงินเดือนตามเดิมที่เคยได้รับ

ปัจจุบันสินค้าที่ขายดีที่สุดคือ “ทองม้วนกรอบ” มีอยู่ถึง 6 รสชาติ ได้แก่ รสกระเทียมพริกไทยดำ, รสทุเรียน, รสเผือก, รสข้าวโพดย่าง, รสใบเตย และรสมะพร้าว นอกจากนี้มีขนมชั้น เค้กฝอยทอง ทองม้วนสด ขนมหม้อแกง เป็นต้น

ซึ่งต่อไปในอนาคตคาดว่าจะมีผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ออกมาให้ลูกค้าได้ลิ้มลองรสชาติอย่างแน่นอน