“ผู้ว่าฯภูเก็ต” พักรบ…รับต่างชาติ ส่งสัญญาณหลัง “เจ”…ค่อยว่ากันนะทั่น !

ท่ามกลางฝุ่นตลบกับนโยบายรัฐบาลเรื่อง “ความพร้อม-ไม่พร้อม” ในการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศไทย ในวันที่ 8 ตุลาคม 2563 ตามที่นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้สัมภาษณ์

ส่งผลกระทบถึง “ภูเก็ต” หนึ่งในจังหวัดนำร่องที่มีแผนเตรียมการจะเปิดน่านฟ้ารับต่างชาติเข้ามา เนื่องจากประชากรในจังหวัดภูเก็ตเองยังเกิด “ความเห็นต่าง” ในการเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ

ที่ผ่านมา นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต รับทราบถึงปัญหาดังกล่าวเป็นอย่างดี และได้เคยกล่าวในหลายเวทีว่า “ความคิดเห็นของคนภูเก็ตตอนนี้แบ่งเป็น 3 กลุ่ม 1.กลุ่มที่เห็นด้วยอย่างยิ่งให้รีบเปิดรับต่างชาติเข้ามา 2.กลุ่มที่ต้องการเปิดให้ต่างชาติเข้ามาอย่างมีเงื่อนไข และ 3.กลุ่มที่ไม่เห็นด้วย ไม่ต้องการเปิดรับต่างชาติเลย”

ทั้งนี้ หากพิจารณาแนวความคิดของกลุ่มที่ 1 และ 3 อาจจะสุดโต่ง ดังนั้นแนวทางประนีประนอมที่น่าจะเกิดขึ้นได้ น่าจะเป็นแนวทางของกลุ่มที่ 2 คือ ต้องการเปิดให้ต่างชาติเข้ามาอย่างมีเงื่อนไข โดยให้ยึดมาตรการ 5T ซึ่งเป็นมาตรการตรวจคัดกรองต่างชาติที่เข้ามาอย่างเข้มข้น

แต่ดูเหมือนแนวทางออกนี้ “ยังไม่มีความพร้อม” ด้วยหลายเหตุปัจจัยที่เกี่ยวโยงกับหน่วยงานภาครัฐ

เริ่มจาก (1) target การกำหนดกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามา ภูเก็ตต้องการให้คัดเลือกจากประเทศที่มีอัตราการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ต่ำ (2) testing จะตรวจสารคัดหลั่งตั้งแต่ที่สนามบินภูเก็ต ทราบผลประมาณ 30 นาที และระหว่างกักตัว 14 วันอีก 2 ครั้ง (3) tracing แอปพลิเคชั่นติดตามตัวนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบเรียลไทม์ ต้องทำให้หน่วยราชการของภูเก็ตทราบข้อมูลไปพร้อมกันด้วย

(4) treatment การดูแลรักษา ภูเก็ตมีโรงพยาบาล มีบุคลากรทางการแพทย์พร้อมรับมือ (5) trust การสร้างความเชื่อมั่น ได้มีการเสนอตั้ง “กองทุน” ซึ่งรัฐและเอกชนลงขัน เพื่อช่วยดูแลผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยเบื้องต้นของบประมาณจากรัฐบาล 1,000 ล้านบาท และจะมีการเก็บเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาคนละ 1,000 บาท

ที่ผ่านมาแหล่งข่าวในภูเก็ตเองก็บอกกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า มาตรการ 5T เองยังไม่เรียบร้อยทุกข้อ โดยเฉพาะ target การกำหนดกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามา ภูเก็ตต้องการให้คัดเลือกจากประเทศที่มีอัตราการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ต่ำ ยังไม่ทราบว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 3 กระทรวง คือ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงสาธารณสุขจะเห็นสอดคล้องตรงกันหรือยัง เพราะยังไม่เห็นหลักปฏิบัติที่ชัดเจน

tracing เรื่องแอปพลิเคชั่นติดตามตัวข้อมูลของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาจะเข้าไปอยู่เฉพาะที่ส่วนกลาง แต่หน่วยงานราชการในภูเก็ตยังไม่สามารถรับทราบข้อมูลได้แบบ real time และหาเจ้าภาพของเรื่องนี้ไม่เจอ

ขณะที่ trust ที่ได้มีการเสนอให้จัดตั้ง “กองทุน” โดยรัฐบาลจะต้องออกเป็นมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีจะขอเก็บเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทยคนละ 1,000 บาท และให้ถือปฏิบัติเหมือนกันทุกจังหวัด แต่ตอนนี้ยังไม่มีการพิจารณาเรื่องนี้ หากนักท่องเที่ยวจังหวัดใดเข้ามาก่อน ยังไม่มีการเรียกเก็บ จะเป็นการลักลั่นไม่เสมอภาคกัน นอกจากนี้ เงินกองทุนเบื้องต้นที่ภูเก็ตเคยขอไปครั้งแรก 1,000 ล้านบาท แต่ความเป็นไปได้เบื้องต้นมาก่อน 50 ล้านบาทแรกก็ยังดี แต่ยังไม่มีการพิจารณาจาก ครม.

ระหว่างความอึมครึมที่เกิดขึ้นระหว่างหน่วยงานภาครัฐส่วนกลาง ภาครัฐในจังหวัดภูเก็ต และภาคเอกชนในจังหวัดภูเก็ต ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2563 “นายณรงค์ วุ่นซิ้ว” ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ในฐานะประธานการประชุมคณะทำงานศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินทางอากาศ ณ ท่าอากาศยานภูเก็ต (EOC ท่าอากาศยานภูเก็ต) ได้กล่าวกลางที่ประชุมคณะทำงานศูนย์ EOC ที่ท่าอากาศยานภูเก็ต แบบฟันธงว่า

“ก่อนหน้านี้มีการแสดงความเห็นจากประชาชนว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติน่าจะมาหลังวันที่ 25 ตุลาคม 2563 เนื่องจากช่วงระหว่างวันที่ 17-25 ตุลาคม 2563 คนไทยจำนวนมากจะเข้ามาเที่ยวงานประเพณีถือศีลกินผักจังหวัดภูเก็ต หลังจบงานนี้น่าจะเริ่มให้ต่างชาติเข้ามา เพราะหากเปิดให้ต่างชาติเข้ามาช่วงนี้จะส่งผลกระทบกับคนไทยที่จะเข้ามาช่วงเทศกาลกินเจ”

โดยที่ผ่านมา นางนภสร ค้าขาย ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภูเก็ต ได้เคยให้สัมภาษณ์ไว้ตั้งแต่วันที่ 28 ก.ย. 63 ว่า “กิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวในเดือนตุลาคม 2563 จะมีงานบุญครั้งใหญ่ของภูเก็ต กับประเพณีถือศีลกินผักจังหวัดภูเก็ต หรืองานเทศกาลกินเจ ระหว่างวันที่ 17-25 ตุลาคม 2563 การจัดงานปีนี้จะมีความยิ่งใหญ่มากกว่าเดิม คาดว่าจะมีคนไทยเข้ามาท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 1 แสนคน และคาดว่าเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท”

ดังนั้น ล่าสุดทางสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตที่เดินตามแนวทางของกลุ่มที่ 2 คือ ต้องการเปิดให้ต่างชาติเข้ามาอย่างมีเงื่อนไข ได้ออกมา”ขานรับนโยบาย” ของผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต โดยที่ประชุมสมาคมเห็นชอบให้มีการดำเนินการนำชาวต่างชาติเข้ามาจังหวัดภูเก็ตภายหลังเทศกาลถือศีลกินเจ หรือหลังวันที่ 25 ตุลาคมเป็นต้นไป

ฝุ่นที่ภูเก็ตเริ่มสงบลงอีกครั้ง หลังเทศกาลถือศีลกินเจ ทำจิตใจให้เบิกบาน….หวังว่าความเห็นของทุกภาคส่วน ทั้งหลายหน่วยงานของภาครัฐ ส่วนกลาง ต่างจังหวัด และหลายหน่วยงานของภาคเอกชนในประเทศไทย คงจบลง…ในทิศทางเดียวกันได้ไม่ยาก หากทุกคนคิดถึงผลประโยชน์ของประชาชนส่วนรวมเป็นที่ตั้ง !