เด็กหญิง 13 ปี จ.เชียงใหม่ ช่วยทำแนวกันไฟ วูบหมดสติ เสียชีวิต

เด็ก 13 ช่วยทำแนวกันไฟ เสียชีวิต
ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับเนื้อหา (ภาพจาก มติชน)

สลด! เด็กหญิงอายุ 13 ปี ช่วยทำแนวกันไฟ ป้องกันไฟป่า ใน จ.เชียงใหม่ อาเจียน-วูบหมดสติ ก่อนเสียชีวิต

วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564 เชียงใหม่นิวส์ รายงานว่า ด.ญ.ณัฐวลัญช์ อนุสรณ์พนา อายุ 13 ปี นักเรียนชั้น ม.1 โรงเรียนบ้านแม่แฮ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ วูบหมดสติและเสียชีวิตในเวลาต่อมา หลังไปช่วยทำแนวกันไฟเพื่อป้องกันไฟป่า

น.ส.อารีย์ การมั่งมี อายุ 38 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ หมู่ 3 บ้านแม่แฮน้อย ต.แม่นาจร อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ แม่ของ ด.ญ.ณัฐวลัญช์ เล่าว่า เมื่อวันเสาร์ที่ 20 ก.พ. 2564 ที่ผ่านมา ทางหมู่บ้านได้ประกาศให้ชาวบ้านและผู้ที่มีจิตอาสา ช่วยกันไปทำแนวกันไฟ เพื่อป้องกันไฟป่าที่อาจจะลามไปยังหมู่บ้าน ซึ่งทางครอบครัวก็พากันไป โดยที่ลูกสาวไปกับพ่อและเพื่อน ๆ ไปทำแนวกันไฟ ส่วนตนรับหน้าที่ทำอาหาร

ระหว่างที่กำลังทำแนวกันไฟอยู่นั้น เพื่อน ๆ ของลูกสาว วิ่งมาบอกว่า ลูกสาววูบหมดสติ ขณะกำลังกวาดใบไม้ใบหญ้า และอาเจียนหนักมาก ทางชาวบ้านจึงรีบพาลงจากดอย เพื่อให้แพทย์ปฐมพยาบาล

“ตอนแรกเชื่อว่าผีจะทำร้ายน้อง ตามความเชื่อของชนเผ่าปกาเกอะญอ จึงให้ผู้นำช่วยบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางไว้แล้ว แต่อาการไม่ดีขึ้น จึงพากันนำส่งโรงพยาบาล อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ และส่งต่อไปยังโรงพยาบาลนครพิงค์ เพื่อรักษาอาการต่อ น้องรักษาอาการได้เพียง 1 คืน ก็จากครอบครัวไปอย่างสงบ หมอบอกว่าน้องป่วยด้วยโรคทางสมอง เลยทำให้รักษายาก” แม่ของ ด.ญ.ณัฐวลัญช์กล่าวและว่า

ตอนนี้ครอบครัวยังทำใจไม่ได้ เนื่องจากน้องจากไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ภูมิใจที่น้องได้ทำหน้าที่พลเมืองและจิตอาสาที่ดี เชื่อว่าน้องต้องไปอยู่ภพภูมิที่ดี

สำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทางครอบครัวไม่ได้เรียกร้องอะไร เพียงแต่อยากให้เล็งเห็นว่า แม้เด็กตัวน้อย ๆ บนดอยสูง ยังให้ความสำคัญกับภารกิจ ทำแนวกันไฟป้องกันไฟป่า เพื่อแก้ปัญหาหมอกควัน และชาวบ้านทุกคนก็ให้ความสำคัญกับภารกิจดังกล่าว

มติชน รายงานว่า สำหรับพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เกิดไฟไหม้ป่าต่อเนื่องในหลายอำเภอ ทั้งโซนใต้และโซนเหนือ ทำให้เกิดภาวะฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM2.5 กระจายตัวอยู่ในอากาศ ท้องฟ้าเป็นสีส้มชัดเจน นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ออกประกาศแจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวังและป้องกันตนเองในขณะออกไปในที่โล่ง โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงให้หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมทุกชนิดในพื้นที่กลางแจ้ง