หาดใหญ่ประกาศขายโรงแรมอื้อ เงินสำรองหมด-ลูกค้ามาเลย์อ่วมโควิด

10 โรงแรมหาดใหญ่ทนแบกภาระหนี้ไม่ไหว ประกาศขายกิจการ “เจ้าของโรงแรมไชน่าการ์เด้น หาดใหญ่” เผยเจอพิษเศรษฐกิจหนักต่อเนื่องกว่า 3 ปี ทำเงินสำรองหมดหน้าตัก แถมพึ่งพาลูกค้าหลักชาวมาเลย์เจอพิษโควิดสาหัส มองไม่เห็นลู่ทางฟื้น

นายกมล สุทธิวรรณโนภาส นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดพัทลุง เจ้าของผู้จัดการโรงแรมไชน่าการ์เด้น หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า

ธุรกิจโรงแรมในกลุ่มได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจตั้งแต่ปลายปี 2562 ต่อเนื่องมากระทบหนักในปี 2563 จนถึงปัจจุบันเงินสำรองในการประกอบการธุรกิจหมดถึงขณะนี้ยังมองไม่เห็นลู่ทางที่จะฟื้นขึ้นมา

เพราะ อ.หาดใหญ่พึ่งพานักท่องเที่ยวมาเลเซียเป็นหลัก รองลงมาเป็นชาวสิงคโปร์ และอินโดนีเซีย ซึ่งตอนนี้ประเทศมาเลเซียได้รับผลกระทบจากโควิด-19 หนักไม่ต่างกับประเทศไทย

ส่งผลให้มีการบอกขายกิจการโรงแรม 10 กว่าแห่งในหาดใหญ่ โดยเฉพาะโรงแรมบริเวณย่านดาวน์ทาวน์ศูนย์กลางเศรษฐกิจเมืองเทศบาลนครหาดใหญ่ สาย 2 และสาย 3 ถนนนิพัทธ์อุทิศ ฯลฯ

“คาดว่ามีนักลงทุนจากประเทศจีนให้ความสนใจซื้อกิจการโรงแรมในหาดใหญ่ เพราะภาพรวมประเทศไทยเศรษฐกิจพื้นฐานดี แต่ขึ้นอยู่ที่รัฐบาลบริหารจัดการเป็นมืออาชีพและมีประสิทธิภาพเท่านั้น

ทั้งนี้ ที่ผ่านมารัฐบาลและองค์กรภาคเอกชนขนาดใหญ่พูดถึงเมืองท่องเที่ยวหลักในภาคใต้เฉพาะ จ.ภูเก็ต กระบี่ พังงา สุราษฎร์ธานี แต่ไม่มีใครพูดถึงธุรกิจท่องเที่ยวใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

ถ้ายังอยู่ในสภาพนี้แนวโน้มทิศทางในปี 2565-2566 จะยังไม่ฟื้น อาจจะต้องรอฟื้นขึ้นในปี 2567 ผู้ประกอบการจะต้องแบกภาระหนักต่อ สำหรับผู้ประกอบการรายใหญ่ รายกลางอาจจะประคองตัวอยู่ได้ แต่ธุรกิจระดับกลางลงมา และธุรกิจรายเล็กอาจจะอยู่ไม่ได้”

แหล่งข่าวจากวงการโรงแรมจังหวัดสงขลา เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมรายใหญ่ใน อ.หาดใหญ่ ส่วนมากเป็นกลุ่มทุนท้องถิ่นรุ่นเก่าที่มีโรงแรมมากกว่า 1 แห่งขึ้นไป

โดยบางกลุ่มกิจการโรงแรม 4-5 แห่งลงทุนโรงแรมในหลายจังหวัดตั้งแต่หาดใหญ่ สงขลา เชียงใหม่ สุราษฎร์ธานี กระบี่ ฯลฯ กลุ่มบีพีแกรนด์ทาวเวอร์, กลุ่มโกลเด้นคราวน์ แกรนด์, กลุ่มแกรนด์พลาซ่า, กลุ่มไดอิชิ, กลุ่มสากล, กลุ่มนิวซีซั่น, กลุ่มริเวอร์อินน์, กลุ่มลี การ์เดนส์ พลาซ่า,

กลุ่มโรงแรมซากุระ 2 แห่ง, กลุ่มโรงแรมเอเชี่ยน ฯลฯ ทั้งนี้ กลุ่มทุนโรงแรมรุ่นเก่าส่วนใหญ่สร้างผลกำไรมานาน และมีสายป่านยาวไม่ค่อยประสบปัญหา แม้ปิดโรงแรมชั่วคราวมานาน

แต่ยังมีการดูแลพนักงานโดยทำข้อตกลงใหม่ มีอาหารเลี้ยงวันละ 2 มื้อ และมีเงินเดือนครึ่งหนึ่ง มีการจ้างพนักงานดูแลรักษาความสะอาด ตกแต่งเพื่อมิให้รกร้าง หากทิ้งไว้โรงแรมจะเสื่อมสภาพเร็ว

และเมื่อสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายพร้อมกลับมาเปิดบริการทันที ส่วนโรงแรมที่ไปไม่ไหวต้องประกาศขายกิจการถูกคนซื้อต่อรองกดราคามาก

นายสมบูรณ์ พงศ์เลิศนภากร เจ้าของผู้จัดการโรงแรมกลุ่มเอเชียน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา อดีตรองนายกเทศมนตรีเทศบาลนครหาดใหญ่ เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีโรงแรมที่เป็นสมาชิกสมาคมโรงแรมหาดใหญ่

มีห้องพักรวมทั้งหมดประมาณ 40,000 ห้อง มีโรงแรมที่ไม่เป็นสมาชิกสมาคมอีกประมาณ 10,000 ห้อง และมีโรงแรมบริเวณบ้านด่านนอก เทศบาลตำบลสำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา รอยต่อกับรัฐเกดะห์ แนวพรมแดนไทย-มาเลเซีย

ซึ่งเป็นแหล่งศูนย์เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวขนาดใหญ่อีกประมาณ 4,000 ห้อง มีมูลค่าการลงทุนรวมไม่ต่ำกว่า 60,000 ล้านบาท หากรวมธุรกิจท่องเที่ยวอื่น ๆ มีมูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท

ตั้งแต่เกิดวิกฤตโควิด-19 มีโรงแรมขนาด 100-200 ห้อง เปิดดำเนินการไม่เกิน 5% และมีโรงแรมที่เป็นสมาชิกของสมาคมโรงแรมหาดใหญ่สงขลาปิดตัวลง 60 แห่ง แต่มีค่าใช้จ่ายในการดูแล ตกแต่ง รักษา เพื่อป้องกันการชำรุดเสื่อมโทรม โดยเฉพาะโรงแรมขนาดกว่า 120 ห้อง ต้องมีค่าใช้จ่ายไม่ต่ำกว่าเดือนละ 200,000 บาท

นายสมบูรณ์กล่าวว่า กรณีที่โรงแรมออกตัวขายกิจการกันเพราะไม่สามารถรับกับสภาพทนแบกภาระ โดยเมื่อก่อนมีกลุ่มทุนโรงแรมขนาดใหญ่ของประเทศไทยจะมีการซื้อเช่นกัน

แต่เสนอราคาประมาณ 35 เปอร์เซ็นต์ จึงไม่มีรายใดตัดสินใจขายกิจการ แต่ขณะนี้กลุ่มทุนขนาดใหญ่โรงแรมที่จะซื้อก็ยุติไป

“หาดใหญ่มีนักท่องเที่ยวหลักเป็นชาวมาเลเซียประมาณ 50% ตอนนี้ได้รับผลกระทบจากโควิดหนักมาก ส่วนนักท่องเที่ยวอีก 25% เป็นนักท่องเที่ยวท้องถิ่น ที่เหลือเป็นนักท่องเที่ยวจากประเทศต่าง ๆ

ดังนั้น ไม่แน่ว่าอีก 5 ปีธุรกิจการท่องเที่ยวหาดใหญ่จะคืนสู่สภาพปกติดังเดิมหรือไม่ แต่คาดการณ์ว่าน่าจะอยู่ในอันดับท้าย ๆ ต่างกับภูเก็ตที่ภาคเอกชน ภาครัฐ ผู้บริหารท้องถิ่นมีการตั้งเป้าหมายและผลักดันทำภูเก็ตแซนด์บอกซ์

ดังนั้น ภาคเอกชน ภาครัฐ ผู้บริหารท้องถิ่นใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ต้องผลักดันช่วยกันหาวิธีการให้ได้รับการจัดสรรวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยเร็ว

หาไม่แล้วธุรกิจโรงแรมมูลค่าประมาณ 60,000 ล้านบาท และธุรกิจการลงทุน สถานประกอบการ ฯลฯ ที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวอีกประมาณ 100,000 ล้านบาทจะล้มลง” นายสมบูรณ์กล่าว

นายธนวัฒน์ พูนศิลป์ ประธานหอการค้าจังหวัดสงขลา เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ธุรกิจโรงแรมในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลาศูนย์กลางเศรษฐกิจการค้า การเงิน การท่องเที่ยว การศึกษา ฯลฯ

ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มาตั้งแต่รอบแรก จนมาถึงรอบ 3 ได้รับผลกระทบหนักไม่สามารถเปิดดำเนินการได้ ส่วนหนึ่งที่ต้องประกาศขายออกไปเพื่อลดภาระดอกเบี้ย

และขายออกแล้วพอยังมีเหลือเงินอยู่บ้าง เท่าที่ทราบบางโรงแรมได้ขายกันเงียบ ๆ เปลี่ยนมือไปบ้างแล้ว

“ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมส่วนหนึ่งรับกับสภาพหนี้ไม่ไหว จำเป็นต้องขายเพื่อหยุดภาระหนี้ หยุดดอกเบี้ย เช่น เป็นหนี้ 100 ล้านบาท ดอกเบี้ย 400,000 บาท-1 ล้านบาทต่อเดือน” นายธนวัฒน์กล่าว