“ขนมเปี๊ยะชาววัง” เชียงใหม่ OTOP 5 ดาวโกอินเตอร์…อเมริกา-อังกฤษ

สัมภาษณ์

แม้อยู่ท่ามกลางสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 แต่สินค้าโอท็อป (OTOP) ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแต่ผ้าไทย หรือเครื่องประดับที่สร้างรายได้เท่านั้น ยังรวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภคอื่น ๆ ด้วย โดยสินค้าอาหารหลากหลายประเภทมีความโดดเด่นและสามารถสร้างรายได้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง “ขนมเปี๊ยะชาววัง” เป็นอีกหนึ่งแบรนด์สินค้า OTOP ที่มีอัตราการเติบโตจนเป็นที่รู้จักแพร่หลาย

“ศุภชัย อุ่นทรัพย์” ผู้ผลิต-เจ้าของกิจการขนมเปี๊ยะชาววัง จ.เชียงใหม่ ให้สัมภาษณ์ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขนมเปี๊ยะชาววังเป็นสูตรพิเศษของคุณเป้า ซึ่งเป็นพี่สาว ชื่อ “ขนมเปี๊ยะชาววัง (สูตรคุณเป้า)” แตกต่างจากขนมเปี๊ยะเจ้าอื่น มีลักษณะเด่นคือ สีขาวนวล เป็นชั้นอยู่ด้านใน เนื้อแป้งมีความนุ่น อบด้วยกลิ่นควันเทียนโบราณ รสชาติไม่หวานมาก กลมกล่อม เหมาะกับลูกค้าทุกเพศทุกวัย

โดยมีที่มาตั้งแต่ปี 2550 เมื่อครั้งทำงานประจำเป็นพนักงานธนาคาร พี่สาวได้ทำขนมเปี๊ยะมาให้ จึงนำมาฝากเพื่อนที่ทำงานด้วย เมื่อทุกคนได้ทานหลังจากนั้นก็ฝากซื้อเป็นจำนวนมากและบอกต่อกันจนได้รับความสนใจ

ช่วงลาพักร้อนหรือมีวันหยุดจากงานประจำจึงมาเรียนรู้การทำขนมกับพี่สาว กระทั่งเริ่มมีออร์เดอร์ ไม่นานก็คิดค้นการทำแพ็กเกจจิ้งขึ้นมาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเอง โดยใช้ใบตองสีเขียวที่ดูสบายตามาเป็นแบบ แล้วส่งเข้าคัดสรรสินค้า OTOP ของกระทรวงมหาดไทย ได้รับรางวัล OTOP ระดับ 5 ดาว

“เราได้รางวัลโอท็อป 5 ดาว ตั้งแต่ส่งเข้าคัดสรรครั้งแรกเมื่อปี 2553 ทำให้คนอยากรู้จักเพิ่มขึ้นว่าขนมเปี๊ยะเจ้านี้เป็นใครมาจากไหน พี่สาวจึงให้ตัดสินใจว่าจะทำงานประจำต่อหรือตัดสินใจออกมาทำขนมและบริหารจัดการเต็มตัว จึงตัดสินใจลาออกแล้วมาปรับปรุงแพ็กเกจใหม่ให้เป็นอินเตอร์ มีภาษาอังกฤษเพิ่มขึ้น เพราะส่วนใหญ่เมื่อไปออกงานกับกระทรวงมหาดไทยได้ไปต่างประเทศด้วย เช่น ไปเวียงจันทน์ สปป.ลาว กัมพูชา ประสบความสำเร็จและขายดีมาก นอกจากนี้ยังได้รับรางวัล The Best Of Select จากกระทรวงพาณิชย์ ในปี 2560”

“ศุภชัย” เล่าให้ฟังว่า ดั้งเดิมเป็นคนอยุธยา ก่อนไปเรียนและทำงานที่จังหวัดเชียงใหม่กับพี่สาว แรกเริ่มได้ทำขนมเปี๊ยะขายอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ เป็นอุตสาหกรรมในครอบครัวที่เน้นความสะอาดปลอดภัยเป็นหลัก ฝากขายตามร้านกาแฟ ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านริมปิง ขายเป็นถุงเล็ก ๆ 5 ลูก ราคา 15 บาท ซึ่งต้องขายภายใน 5 วันเพราะไม่ใส่สารกันชื้นหรือกันรา และไม่ได้ทำแพ็กเกจหรือรู้วิธีควบคุมคุณภาพให้อยู่นานหลายวัน ก่อนขยับปริมาณและราคาขึ้นตามลำดับ รวมถึงศึกษาวิธีการทำให้ขนมอยู่ใด้นานโดยไม่ใส่สารกันบูดกันรา จึงได้มาดูรายละเอียดแพ็กเกจและขั้นตอนการเก็บรักษาให้ดียิ่งขึ้น พัฒนาจนอยู่ได้นานนับเดือน

เมื่อทำตลาดในจังหวัดเชียงใหม่และได้ออกงานบ่อยขึ้น ลูกค้าที่พบตอนออกงานเริ่มติดต่อสั่งซื้อ หลังจากนั้นมีโอกาสได้ส่งในพื้นที่กรุงเทพฯ ไปยัง Golden Place, Lemon Farm อัตราการเติบโตเรียกได้ว่าก้าวกระโดด ได้ทำการผลิตนับพันลูกต่อวัน รายได้เฉลี่ยประมาณ 1-3 ล้านบาทต่อปี แต่รายได้ไม่แน่นอนแล้วแต่ช่วงเวลาตามความต้องการของลูกค้า

“ปัจจุบันส่งขายในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ร้านกาแฟอเมซอน, ร้านริมปิงทุกสาขา และร้านซูเปอร์มาร์เก็ต ถัดมาในกรุงเทพฯ Golden Place ทุกสาขา, Lemon Farm ทุกสาขา, แม็กซ์แวลู ซูเปอร์มาร์เก็ต, Villa Market และตลาดบองมาร์เช่

นอกจากนี้ยังขายขาดให้กับลูกค้าส่งออกไปยังต่างประเทศ เช่น ซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา, ร้านอาหารไทยในอังกฤษ โดยสัดส่วนการทำตลาด ส่งออกไปต่างประเทศประมาณ 30% และขายตลาดภายในประเทศ 70% ทั้งนี้ ช่วงโควิด-19 มีตลาดออนไลน์เพิ่มขึ้นมาประมาณ 20% ซึ่งสินค้าทั้งหมดเป็นสินค้าสดใหม่ตามออร์เดอร์ ไม่มีค้างสต๊อก”

“ศุภชัย” บอกว่า ตอนนี้ขนมเปี๊ยะชาววังมี 6 รสชาติ ได้แก่ ไส้ถั่วไข่เค็ม ไส้ถั่ว ไส้ถั่วเนื้อฟัก ไส้งาดำ ไส้เผือก ไส้ลำใย และกำลังคิดค้นสูตรใหม่เพิ่ม โดยยังคงเอกลักษณ์เฉพาะไว้ ทั้งปรับแพ็กเกจให้โดดเด่นขึ้น อนาคตวางแผนไว้ว่าอยากเป็นช็อปมีหน้าร้านของตัวเองที่กรุงเทพฯ แต่ยังไม่ใช่เร็ว ๆ นี้