SMEs “กาญจน์-แปดริ้ว” อ่วม น้ำมันแพง-วัตถุดิบพุ่ง-ปรับราคายาก

น้ำมัน ไข่ ธัญพืช

หลังเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จนมาถึงสงครามรัสเซีย-ยูเครน น้ำมันขึ้นราคา ส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจ ต้นทุนการผลิตทุกหย่อมหญ้า สวนทางกับรายได้ของประชาชนที่ลดลง ผู้ประกอบการธุรกิจอาหารจำพวกเบเกอรี่ สินค้าแปรรูป และของฝาก ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า สถานการณ์ดังกล่าวค่อนข้างหนัก

“วิเชียร เจนตระกูลโรจน์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีฟ้าโฟรเซนฟู้ด จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเบเกอรี่ จ.กาญจนบุรี เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า สำหรับสินค้าเบเกอรี่อยู่ในกลุ่มสินค้าจำพวกอาหารทางเลือกไม่ใช่อาหารหลัก ตั้งแต่มีการล็อกดาวน์ในช่วงเกิดโควิด-19 แพร่ระบาด ส่งผลกระทบต่อยอดขายหลังจากนั้นเรื่อยมา กระทั่งสถานการณ์กำลังจะดีขึ้นกลับมีสงครารัสเซีย-ยูเครน ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตสินค้าทางการเกษตรหลายตัว

ทำให้ปัจจุบันเกิดผลกระทบหนักคือเรื่องภาวะเงินเฟ้อ วัตถุดิบต้นทุนในการผลิตสินค้าแพงขึ้นทุกอย่าง ทั้งข้าวสาลี น้ำมันพืช ไข่ เมล็ดธัญพืช และอื่น ๆ โดยราคายังคงพุ่งสูงต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565 และไม่รู้ว่าจะไปหยุดอยู่จุดไหน

วิเชียร เจนตระกูลโรจน์ (ศรีฟ้า)
วิเชียร เจนตระกูลโรจน์

“ตอนนี้ราคาวัตถุดิบสูงขึ้น แต่ราคาขายสินค้าของเรากลับปรับขึ้นตามราคาวัตถุดิบไม่ได้ทั้งหมด แม้ใจจริงอยากเพิ่มสัก 20-30% แต่ทำได้เพียงประมาณ 10% โดยเฉพาะตลาดหลักที่ส่งขายกับโมเดิร์นเทรดต้องใช้เวลาพอสมควร เนื่องจากกลุ่มลูกค้าประชาชนคนทั่วไปมีฐานะยากจนลง ดูได้จากหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ที่เพิ่มขึ้น

การทำมาหากิน หลังจากเกิดโควิด-19 ก็ลำบาก เงินในกระเป๋าสวนทางกัน ราคาของแพง ผู้บริโภคซื้อของน้อยลง ศรีฟ้าโฟรเซนฟู้ดจึงมียอดขายลดลงไปเฉลี่ย 10-15% และตอนนี้ต้องปรับตัวในการดูแลค่าใช้จ่ายและปรับราคาสินค้าขึ้นอย่างระมัดระวัง ลดผลกระทบให้น้อยที่สุดเพื่อให้ผู้ประกอบการและผู้บริโภคอยู่ได้อย่างยั่งยืน”

ทั้งนี้ การระบาดของโควิด-19 ผู้คนจับจ่ายใช้สอยน้อยลงตามวิถี ความเสียหายไม่มาก ไม่รุนแรงเท่ากับเกิดสงครามที่ของแพงขึ้น เกิดเงินเฟ้อกระทบกับคนทุกระดับ หากภาวการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างนี้ต่อไปผู้คนจะซื้ออาหารหลักอย่างข้าวมากกว่าขนมปังหรือกลุ่มเบเกอรี่ที่เป็นสินค้าทางเลือกอย่างแน่นอน แนวโน้มยอดขายจะแย่ลงไปอีก และหากรัฐบาลประกาศปรับค่าแรงขึ้นก็หนีไม่พ้นต้องปรับราคาสินค้าตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้นในทุกมิติ

“วิเชียร” เปิดเผยว่า ปัจจุบันราคาวัตถุดิบในการทำขนมเพิ่มขึ้นจากเดิมโดยเฉลี่ยประมาณ 20-30% เช่น แป้งสาลี เนยสด ทั้งนำเข้ามาเองจากต่างประเทศและผ่านตัวแทนจำหน่ายขึ้นราคาประมาณ 20% แต่ในภาพรวมเฉลี่ยวัตถุดิบทั้งหมดที่ทำขนมขึ้นราคาประมาณ 25% ทุกอย่างเป็นไปตามแนวโน้มของราคาน้ำมันรถยนต์ที่ขึ้นไปมากกว่า 30%

“วิกฤตภาวะเศรษฐกิจตอนนี้คงไม่สามารถแก้ไขได้ทันที แต่รัฐบาลควรตั้งรับและออกนโยบายเสริมสร้างเศรษฐกิจให้ดีกว่านี้ เพราะปัจจุบันไม่ดีเลย และกลุ่มคนฐานรากควรแข็งแรงกว่านี้ ทุกวันนี้กลายเป็นผู้ขออย่างเดียว โดยรอรับเงินจากรัฐผ่านโครงการต่าง ๆ ถ้ารัฐไม่ให้ก็อดตาย วิธีนี้ไม่ใช่การแก้ปัญหาหรือเป็นระบบเศรษฐกิจที่ยั่งยืน รัฐต้องคิดถึงว่าจะทำยังไงให้คนกลุ่มนี้เข้มแข็ง ยืนได้ด้วยตัวเอง และอยู่ในห่วงโซ่ของการประกอบอาชีพที่มั่นคง สู่ภาคธุรกิจรายเล็กรายย่อยไปถึงรายใหญ่ถึงระดับส่งออกได้ ไม่ใช่มีตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจเฉพาะรายใหญ่เพียงไม่กี่ราย”

ด้าน “ไมตรี ชัยมงคลานนท์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท มีดี8 จำกัด ผู้ประกอบการร้านแก้วของฝากเมืองกาญจนบุรี เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ปัจจุบันน้ำมันแพงขึ้น วัตถุดิบที่ใช้ก็ขึ้นราคา อาทิ ไข่ แป้ง น้ำตาล ฯลฯ ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตไม่น้อยกว่า 5-10% ซึ่งตอนนี้ราคาสินค้าภายในร้านแก้วของฝากเมืองกาญจนบุรีที่ขายในประเทศยังไม่มีการปรับราคาขึ้น เพราะต้องประคองธุรกิจไปก่อน ส่วนการส่งออกต้องนัดเจรจากับเทรดเดอร์เพื่อปรับราคาสินค้าที่จะส่งออกไป

ไมตรี ชัยมงคลานนท์ ร้านแก้ว
ไมตรี ชัยมงคลานนท์

ขณะเดียวกันร้านแก้วของฝากเมืองกาญจนบุรีก็เริ่มฟื้นตัว ยอดขายขึ้นมา 80-90% หลังจากได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 มานานกว่า 2-3 ปี เพราะนักท่องเที่ยวเริ่มเดินทาง ซึ่งกิจการร้านขายของฝากจะขึ้นอยู่กับปริมาณของนักท่องเที่ยวโดยตรง อีกทั้งทางร้านมีการพัฒนารูปแบบให้สมบูรณ์แบบมากขึ้นและกำลังโด่งดังในโลกออนไลน์ ผลิตภัณฑ์ ขนมชั้นมียอดขายมากที่สุดในเมืองไทย แต่ละวันมียอดจองผ่านทางออนไลน์เป็นจำนวนมาก รวมถึงมีการต่อคิวซื้อที่หน้าร้านอีกด้วย

“ชัยรัตน์ โสธรนพบุตร” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลไม้แปรรูปวรพร จำกัด เจ้าของแบรนด์ “วรพร” ผู้ผลิตมะม่วงแปรรูปพร้อมรับประทานรายแรกของเมืองไทย จ.ฉะเชิงเทรา เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำมันและวัตถุดิบต่าง ๆ ขึ้นราคา จนส่งผลกระทบต่อต้นทุนทำให้รายได้ลดลงประมาณ 2% แต่การปรับขึ้นราคาสินค้าตอนนี้ค่อนข้างยาก เนื่องจากสินค้าของร้านส่วนใหญ่เข้าห้างโมเดิร์นเทรดซึ่งมีสัญญากันปีต่อปี หวังว่าสถานการณ์ดังกล่าวคงจะไม่ยืดยาวนัก เพราะตอนนี้ที่ดำเนินธุรกิจต่อไปได้ก็ถือว่าดีแล้ว

ชัยรัตน์ โสธรนพบุตร วรพร
ชัยรัตน์ โสธรนพบุตร

“ขณะที่สินค้าตัวเดิมรายได้หายไป 20% แต่ภาพรวมธุรกิจแบรนด์วรพรถือว่าโชคดีที่มีสินค้าตัวใหม่เข้าตลาด ซึ่งเป็นกลุ่มผลไม้ตามฤดูกาล เช่น มะยม มะขาม มะกอก ทำให้ยอดขายเติบโตประมาณ 30% ส่วนกรณีการขึ้นค่าแรง ธุรกิจของเราถือว่าไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากเราจ่ายค่าแรงงานตามชิ้นงานที่พนักงานแต่ละคนทำได้ ซึ่งปกติพนักงานได้รับเงินมากกว่าค่าแรงขั้นต่ำอยู่แล้ว”