“โลตัส” เด้งรับเศรษฐกิจฟื้น ทุ่มงบปูพรมสาขา “โกเฟรช”

โลตัส โกเฟรช

โลตัสเปิดเกมรุกรับเศรษฐกิจฟื้นตัว ทุ่มงบฯ 1.3 หมื่นล้าน ทยอยรีโนเวตร้าน ปูพรม “โลตัสโกเฟรช” คอนเซ็ปต์ใหม่อีก 80 สาขา หวังขยายออนไลน์ช็อปปิ้งครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมยกทัพ อาหารสดผลไม้คัดเกรด สินค้าท้องถิ่น สินค้าพรีเมี่ยม-นำเข้า ดึงทราฟฟิก ก่อนอัดแคมเปญ “ราคามายโลตัส” ลดราคาสินค้า 500 รายการ ย้ำผู้นำธุรกิจค้าปลีก New SMART Retail

นายสมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจโลตัส ประเทศไทย เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา เริ่มเห็นสัญญาณของกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น จากการเปิดประเทศนักท่องเที่ยวเข้ามาและมาตรการจากภาครัฐ มีส่วนช่วยให้เกิดการหมุนเวียนของเม็ดเงิน บวกกับโควิดเริ่มคลี่คลายทำให้ผู้คนออกมาใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้น ทำให้ทราฟฟิกเข้ามาในค้าปลีกเพิ่มขึ้น

ขณะเดียวกันก็มีปัจจัยลบ คือเรื่องเงินเฟ้อ ผู้บริโภคมีรายได้น้อยลง รวมไปถึงปัจจัยอื่นที่ยังมองไม่เห็น อย่างหลายคนคาดการณ์ว่าจะมีสงครามจีนและไต้หวัน ซึ่งก็ยังเป็นเรื่องที่ไกลตัว

เบื้องต้นประเมินว่าปี 2565 ธุรกิจที่ไม่ใช่อาหาร จะเติบโตขึ้นเป็นตัวเลขสองหลัก เพราะปีที่แล้วมีภาวะล็อกดาวน์ไม่สามารถทำการค้าขายได้เต็มที่ ขณะที่กลุ่มอาหารจะมีการเติบโตตัวเลขหนึ่งหลัก ที่มีปัจจัยจากภาวะเงินเฟ้อเข้ามาเกี่ยวข้อง

แต่ทุก ๆ ธุรกิจยังมีอุปสรรคเรื่องต้นทุนพลังงาน ค่าไฟ ที่ปรับขึ้น เป็นต้นทุนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ สำหรับโลตัสได้ทำงานล่วงหน้ามาหลายปี ด้วยการเลือกใช้โซลาร์รูฟท็อป พลังงานจากแสงอาทิตย์ และไตรมาส 3 เป็นต้นไป เตรียมต่อยอดนำไปใช้ในสาขาขนาดเล็ก เพื่อช่วยประหยัดต้นทุนค่าไฟได้

สมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย

ขณะเดียวกันหลังจากโลตัสเข้ามาอยู่ในเครือเจริญโภคภัณฑ์ได้กว่า 1 ปี ได้รีแบรนด์เทสโก้โลตัส เปลี่ยนเป็นโลตัส ที่ผ่านมาเดินหน้ามุ่งกลยุทธ์ยกระดับความเป็นผู้นำ New SMART เริ่มจากการนำเทคโนโลยีมาเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มออนไลน์มอบประสบการณ์ omnichannel ที่ไร้รอยต่อ ในสาขา 2,300 แห่ง

ควบคู่กับการใช้ big data มาช่วยวิเคราะห์กลุ่มสินค้าและโปรโมชั่นให้ตรงกับความต้องการลูกค้า พร้อมกับการเพิ่มไลน์อาหารสด ชูจุดขายความคุ้มค่าและราคาประหยัด ทำให้ผลประกอบการเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้

สำหรับครึ่งปีแรก ปี 2565 โลตัสได้เปิดสาขาใหม่ 39 สาขา ผ่านคอนเซ็ปต์ใหม่ ๆ ที่เหมาะสมกับลูกค้าในแต่ละพื้นที่ เช่น SMART Urban Supermarket, Open Air Mall และ SMART F&B Heaven ทั้งหมดชูความเป็นศูนย์รวมอาหารและอาหารสด และเป็นศูนย์รวมการใช้ชีวิต ด้านพื้นที่เช่า โลตัสได้เพิ่มร้านอาหารและเครื่องดื่มทั้งแบรนด์ใหญ่และแบรนด์ดังในท้องถิ่น อีกกว่า 1,300 ราย และมีเป้าหมายเพิ่มพื้นที่เช่าให้ได้อีก 5,800 ร้านภายในสิ้นปีนี้

นายสมพงษ์กล่าวต่อถึงแผนการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง โลตัสวางงบประมาณ 12,500-13,500 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับลงทุนรีโนเวตสาขาเดิมและเปิดสาขาใหม่ ซึ่งในครึ่งปีแรกได้ใช้งบฯไปเกินครึ่งแล้ว ส่วนงบฯที่เหลือจะใช้เปิดสาขาใหม่เพิ่มอีกประมาณ 70-80 สาขา ส่วนใหญ่เป็นโมเดล go fresh รวมถึงโลตัส นอร์ธ ราชพฤกษ์ สาขา flagship ที่เตรียมจะเปิดในไตรมาส 4 ของปี 2565

ปัจจัยสำคัญในการเปิดร้านใหม่ จะเน้นพื้นที่ที่มีทราฟฟิกสูง ใกล้ย่านชุมชน ซึ่งจะสามารถขายได้ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ในส่วนของซูเปอร์มาร์เก็ตได้ยกระดับแผนกอาหารสดให้ครบวงจร ตลอดจนเพิ่มสินค้าใหม่หลากหลายมากขึ้น ทั้งสินค้าใหม่ ผลไม้คัดเกรด สินค้าท้องถิ่น สินค้าพรีเมี่ยม และสินค้านำเข้า

โดยยังคงเน้นการจับคู่ธุรกิจเพื่อรับซื้อสินค้า SMEs รวมไปถึงการจัดเรียงสินค้าในสาขาช่วยให้เลือกซื้อสินค้าได้สะดวกกว่าเดิม หากเทียบกับก่อนหน้านี้ โลตัสทุกสาขามีสินค้าเหมือนกัน แต่จากนี้ไปในบางสาขา ในบางพื้นที่ จะมีสินค้าที่แตกต่างกันออกไป แต่ยังคงจุดแข็งราคาที่เข้าถึงง่าย ขณะนี้ยอดต่อบิลร้านเล็กอยู่ประมาณ 200 บาทต่อบิล

เช่นเดียวกับการเปิดตัว Lotus’s SMART App แอปพลิเคชั่นค้าปลีกที่รวมแพลตฟอร์ม e-Commerce และเชื่อมต่อสาขา 2,300 สาขาทั่วประเทศ และสามารถขยายบริการออนไลน์ไปได้ในทุกจังหวัดที่โลตัสมีสาขาตั้งอยู่ และสามารถจัดส่งสินค้าอุปโภคบริโภคได้แบบ on-demand จากร้านโลตัส โก เฟรช ที่อยู่ใกล้ชุมชน และแบบ next-day จากไฮเปอร์มาร์เก็ตทุกสาขา

สต๊อกสินค้าของแต่ละสาขาที่ถูกอัพเดตแบบ real-time ทำให้ลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าที่มีอยู่ในสาขาใกล้บ้าน ปัจจุบันมีผู้ใช้งานดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นไปแล้วกว่า 4.5 ล้านราย และมียอดการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์เติบโตขึ้นกว่า 400%

รวมถึงให้ความสำคัญกับการจัดแคมเปญ “ราคามายโลตัส” ที่เปิดตัวในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา จากการร่วมมือกับพันธมิตรคู่ค้าลดราคาสินค้ากว่า 500 รายการ ให้กับสมาชิกมายโลตัส ยิงยาวถึงปลายปี และจะมีการหมุนเวียนสินค้ารายการอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการดำรงชีพของลูกค้าต่อไป

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันโลตัสมีสาขารวมทั้งหมด 2,279 แห่ง แบ่งเป็น ไฮเปอร์มาร์เก็ต 224 สาขา, ซูเปอร์มาร์เก็ต 203 สาขา และมินิซูเปอร์มาร์เก็ต 1,852 สาขา

ขณะที่สัดส่วนยอดขายออนไลน์ยังน้อยกว่า 10% ตั้งเป้าภายใน 3 ปี จะเพิ่มสัดส่วนออนไลน์ให้ได้ 15-20% เราต้องการนิยามตัวเองเป็น New SMART Retail ผู้นำค้าปลีก