สมาร์ทโฮม ชะลอโปรฯ กำลังซื้อฝืด รอรุกปลายปี

สมาร์ทโฮม

“สมาร์ทโฮม” ปรับกลยุทธ์ครึ่งปีหลัง รับผู้บริโภคชะลอจับจ่าย เน้นเกมรับรอจังหวะบุกหนักช่วงไฮซีซั่น ชะลอโปรโมชั่นออนไลน์-ลดเปิดตัวสินค้าใหม่ มุ่งทำตลาดสินค้าพื้นฐานตอบโจทย์กำลังซื้อ ส่งเครื่องซักผ้าไซซ์เล็ก-เครื่องชงกาแฟ รับหน้าฝน เจาะคนอยู่คอนโดฯ-คนรุ่นใหม่ ชี้ปัจจัยท้าทายมาก ปรับเป้ายอดขายจาก 900 ล้าน เป็น 700 ล้าน

นายธวัช มานะวงศ์ กรรมการบริหาร บริษัท สเต็ป ฟอร์เวิร์ด กรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ “สมาร์ทโฮม” (Smart Home) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การทำตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นเล็กระดับแมสในช่วงครึ่งปีหลังค่อนข้างมีความท้าทายมาก เนื่องจากผู้บริโภคใช้จ่ายน้อยลงอย่างชัดเจน หรือแม้จะมีการใช้จ่าย แต่การซื้อสินค้าส่วนใหญ่ผู้บริโภคจะเลือกรุ่นมาตรฐานที่ราคาจับต้องง่ายมากกว่าปัจจัยด้านฟังก์ชั่นและความสะดวกเหมือนที่ผ่านมา ขณะเดียวกันก็มีพฤติกรรมที่หันกลับไปซื้อสินค้าจากทางหน้าร้านมากขึ้น

สะท้อนจากยอดขายสินค้าของบริษัท อาทิ หม้อหุงข้าว รุ่นพื้นฐานกลับมาขายดี ตรงข้ามกับช่วงก่อนหน้านี้ที่รุ่นคอมพิวเตอร์และรุ่นที่มีฟังก์ชั่นลดน้ำตาลจะทำยอดได้ดีกว่า โดยยอดขายช่วง 6 เดือนแรกของปี 2565 ที่ลดลงไป 30% จากช่วงเดียวกันของปี 2564

และเป็นที่น่าสังเกตว่า ยอดขายจากออนไลน์ยังลดลงในทุกช่องทาง ทั้งช้อปปี้ ลาซาด้า ฯลฯ ประกอบกับปีนี้ยังไม่มีสินค้าที่เป็นกระแสมาช่วยสร้างความคึกคักให้ตลาด เหมือนช่วงที่หม้อทอดไร้น้ำมันได้รับความนิยม จึงคาดว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นนี้ต่อไปในช่วงครึ่งปีหลัง และจะเริ่มค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคมที่เป็นไฮซีซั่น ซึ่งผู้บริโภคจะซื้อหาเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นเล็กเพื่อมอบเป็นของขวัญ

สำหรับแนวทางการทำตลาดของสมาร์ทโฮม ในช่วงจากนี้ไปจะเน้นกลยุทธ์เชิงรับ มุ่งให้ผู้บริโภคเห็นความเคลื่อนไหวของแบรนด์เป็นหลัก โดยจะมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ แต่จะลดความหวือหวาและลดการทำโปรโมชั่นร่วมกับมาร์เก็ตเพลซต่าง ๆ ลง เพื่อให้สอดรับกับยอดขายจากช่องทางออนไลน์ที่ลดลง และคาดว่าผู้บริโภคกลับไปซื้อสินค้าทางหน้าร้านมากขึ้น เนื่องจากได้สัมผัสสินค้าและนำสินค้ากลับไปใช้ได้ทันที สะท้อนจากยอดขายในช่องทางโลตัสและบิ๊กซีที่เติบโตประมาณ 20% ส่วนการขายจะโฟกัสเฉพาะสินค้าขายดีอย่าง หม้อหุงข้าวรุ่นพื้นฐาน, กาน้ำไฟฟ้า ที่ทำยอดขายได้ประมาณ 3-4 หมื่นยูนิตต่อเดือน เพื่อประคองธุรกิจรอจังหวะ ก่อนจะบุกตลาดมากขึ้นในช่วงปลายปีด้วยการเปิดตัวสินค้า 4-5 ตัว

“การเปิดตัวสินค้าใหม่ในช่วงไตรมาส 3 จะลดจำนวนลง โดยเน้นเปิดตัวสินค้าที่ตรงกับหน้าขาย รวมถึงทดลองสั่งสินค้าเข้ามาในปริมาณน้อยก่อนเพื่อทดสอบดีมานด์ เช่น ช่วงหน้าฝนนี้ได้เปิดตัวเครื่องซักผ้าอัตโนมัติแบบฝาบนขนาด 4 กิโลกรัม รุ่นอัพเกรดเพิ่มรอบปั่นในราคา 4,900 บาท เจาะกลุ่มผู้อาศัยในคอนโดฯ หรือผู้ที่ต้องการเครื่องที่ 2 สำหรับแยกซักผ้าบางชนิดหรือเสื้อผ้าสัตว์เลี้ยง

“พร้อมขยายไลน์สินค้าเพิ่มกลุ่มเครื่องชงกาแฟ ราคา 2,900 บาท ชูจุดขายฟังก์ชั่นใกล้เคียงเครื่องแบบแคปซูล ทั้งแรงดัน 15 บาร์ ใช้งานง่ายและดีไซน์เรียบหรู ตามเป้ามุ่งจับกลุ่มพนักงานออฟฟิศคนรุ่นใหม่ โดยวางขายในช่องทาง TV ช็อปปิ้งและออนไลน์ ซึ่งสามารถโชว์การทำงานของเครื่องได้”

นายธวัชย้ำว่า นอกจากนี้ บริษัทจะยังให้ความสำคัญกับการสื่อสารเพื่อสร้างการรับรู้ต่อเนื่อง ด้วยกลยุทธ์เน้นความคุ้มค่าของการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นอาศัยจังหวะที่บริษัทขนาดใหญ่ชะลอการโฆษณาจนสื่อป้ายโฆษณาและป้ายดิจิทัลราคาถูกลง จับมือกับพันธมิตรร่วมลงทุนซื้อโฆษณาในช่องทางเหล่านี้ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล

เช่นเดียวกับการมอบสินค้าให้อินฟลูเอนเซอร์เพื่อทำรีวิว คิดเมนูอาหารแปลก ๆ ใหม่ ๆ ประกอบการเปิดตัวสินค้า รวมถึงเป็นสปอนเซอร์รายการทีวีในช่อง 3 และช่อง 5 นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างศึกษาแนวทางการรับมือเงินบาทอ่อนค่าด้วยการจ่ายค่าสินค้าให้ซัพพลายเออร์ในจีนเป็นเงินหยวน รวมถึงอาจหันไปใช้ฐานการผลิตในอินเดียอีกด้วย

“จากปัจจัยท้าทายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น บริษัทจึงปรับลดเป้ายอดขายปี 2565 ลงจาก 900 ล้านบาท เป็น 700 ล้านบาท หลังจากปี 2564 มียอดขาย 997 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ตัวเลขนี้ยังสูงกว่าช่วงก่อนโควิดที่ยอดขาย 650 ล้านบาท” นายธวัชกล่าวในตอนท้าย