BEC เร่ง “ผลิต-ขาย” ลิขสิทธิ์ละครลุ้นพันล้าน

บีอีซี เวิลด์

บีอีซีมองบวกอุตฯสื่อครึ่งปีหลัง เดินหน้าเพิ่มคอนเทนต์ละครส่งออก พร้อมลุยแผนสร้าง BEC สตูดิโอ หวังผลิตคอนเทนต์อินเฮาส์เจาะตลาดต่างประเทศแบบประหยัดเวลา-ค่าใช้จ่าย มั่นใจรายได้ปี 2565 เติบโตเฉียด 10% รายได้ต่างประเทศ-แพลตฟอร์มดิจิทัลโตแกร่ง 10-20% แตะ 1 พันล้าน

นายพิริยดิส ชูพึ่งอาตม์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สำนักการเงินและการบัญชี บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC กล่าวว่า คาดว่าภาพรวมอุตสาหกรรมสื่อและเม็ดเงินในสื่อทีวีช่วงไตชรมาส 3 จะฟื้นตัวอย่างช้า ๆ สอดคล้องกับคาดการณ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่คาดว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวตามอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและการระบาดของโรคโควิด-19 ที่ลดลง และจะถือเป็นการฟื้นตัวต่อเนื่องหลังไตรมาส 2

โดยข้อมูลของบริษัทวิจัยนีลเส็น ระบุว่า ธุรกิจโฆษณาขยายตัว 8.5% จากไตรมาสแรก มาอยู่ที่ 3 หมื่นล้านบาท โดยสื่อทีวีเติบโต 12.2% มีมูลค่า 1.6 หมื่นล้านบาท ด้วยการใช้จ่ายงบฯโฆษณาของกลุ่มธุรกิจอาหารเครื่องดื่มและค้าปลีกเป็นหลัก

พิริยดิส ชูพึ่งอาตม์

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2 ของบริษัทเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสแรก มาอยู่ที่ 1.35 พันล้านบาท แต่ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 เนื่องจากผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสงครามในยุโรป เงินเฟ้อและต้นทุนที่สูงขึ้น ทำให้หลายหน่วยงานลดโฆษณาลง อย่างไรก็ตาม ช่วง 6 เดือนกำไรเติบโตประมาณ 7% จากช่วงเดียวกันของปี 2564 เป็นผลจากโครงการควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดำเนินการต่อเนื่อง

ขณะเดียวกันยอดผู้ใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลต่อเดือน เติบโตเป็น 11-12 ล้านยูสเซอร์ และมีพรีเมี่ยมแอ็กทีฟยูสเซอร์หรือผู้ใช้ที่จ่ายรายเดือนจำนวน 4 หมื่นคน ทำให้ไตรมาส 2 การขายคอนเทนต์ไปต่างประเทศ และดิจิทัลแพลตฟอร์ม ทำรายได้รวมกัน 163 ล้านบาท คิดเป็น 12% ของรายได้รวม

นายพิริยดิสกล่าวว่า ส่วนทิศทางของช่อง 3 หลังจากนี้ไปจะโฟกัสการผลิตคอนเทนต์เพื่อจับคนรุ่นใหม่และการขายลิขสิทธิ์ไปยังต่างประเทศ รวมถึงการควบคุมต้นทุนการผลิตให้ลดลง โดยช่วงไตรมาส 3 และ 4 วางละครไว้ 5 เรื่อง มีไฮไลต์คือ ลายกินรี ที่เป็นละครสืบสวนสอบสวนแบบย้อนยุค นำแสดงโดยญาญ่าและณเดชน์ กับซุปตาร์ 2550 ที่มีดาราร่วมแสดงเยอะที่สุด อีก 3 เรื่องคือ รากแก้ว, สายลับลิปกลอส มัดหัวใจยัยซุปตาร์

นอกจากนี้ยังปรับผังรายการช่วง 5 ทุ่มให้เป็นละครแนววาย ตามแผนมุ่งจับวัยรุ่นมากขึ้น และจะมีการขายลิขสิทธิ์ละครแบบฉายพร้อมและฉายในวันเดียวกับไทยไปยังต่างประเทศและเน็ตฟลิกซ์ถึง 9 เรื่อง อาทิ ลายกินรี สายลับลิปกลอส มัดหัวใจยัยซุปตาร์ และซุปตาร์ 2550 ซึ่งจะสร้างรายได้มากกว่าช่วงไตรมาส 2 ที่ละครที่ขายลิขสิทธิ์ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่จบแล้ว

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนจะเดินหน้าการสร้าง BEC สตูดิโอ ซึ่งเป็นหน่วยงานสร้างคอนเทนต์แบบอินเฮาส์ ซึ่งจะมาช่วยเสริมโอกาสในการขาย และช่วยคุมต้นทุนและเวลาในการผลิต โดยตัวสตูดิโอ กำลังออกแบบและวางแผน ส่วนทีมพัฒนาบทละครได้ลงนาม MOU ร่วมกับ 12 มหาวิทยาลัย เพื่อพัฒนาบุคลากร ด้านทีมโพสต์โปรดักต์นั้น ช่วงเดือนตุลาคม 2565 จะเริ่มเปิดให้กับหน่วยงานภายในใช้งาน

พร้อมกันนี้เริ่มผลิตละครเอง 3 เรื่อง คือ มือปราบกระทะรั่ว เกมโกงเกมส์ ร้ายเล่มเกมส์ออฟฟิศ ซึ่งเน้นการจับผู้ชมต่างประเทศเป็นหลัก คาดว่าจะผลิตเสร็จกลางปี 2566

“จากกลยุทธ์เหล่านี้และการเติบโตได้ 7% ในช่วง 6 เดือนแรก รายได้ทั้งปี 2565 นี้ น่าจะเติบโตประมาณเลขหลักเดียวปลาย ๆ หรืออาจสูงกว่านี้หากภาวะอุตสาหกรรมเอื้ออำนวย โดยรายได้จากการขายลิขสิทธิ์ไปต่างประเทศและแพลตฟอร์มดิจิทัล ตั้งเป้าให้เติบโต 10-20% หรือมีรายได้ประมาณ 900-1,000 ล้านบาท ซึ่งรายได้จากส่วนนี้เป็นรายได้ที่มีผลกับกำไรอีกด้วย” นายพิริยดิสกล่าว