“อินเตอร์ฟาร์มา” ลุยครบเครื่อง ปูพรมโปรดักต์ใหม่/บุกร้านขายยา-คลินิก

ดร.ตฤณวรรธน์ ธนิตนิธิพันธ์

“อินเตอร์ฟาร์มา” กางแผนลุยธุรกิจสุขภาพ คน-สัตว์ ครบวงจร ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ เตรียมลงทุนอัพเกรดโรงงานที่อยุธยา “อียู สแตนดาร์ด” คุยพันธมิตรทรานส์เฟอร์เทคโนโลยี เดินหน้าปูพรมร้านขายยา “แล็บฟาร์มาซี” พร้อมส่งแบรนด์ใหม่เจาะปั๊ม สุ่มเพิ่มธุรกิจใหม่เปิดคลินิกสุขภาพและชะลอวัย อินเตอร์ เวลเนส คลินิก เดินหน้าปูพรมสินค้าใหม่ลงตลาด-เพิ่มดีกรีเจาะตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในต่างประเทศ ตั้งเป้าบุกอเมริกา-ยุโรป-ออสเตเลีย

ดร.ตฤณวรรธน์ ธนิตนิธิพันธ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อินเตอร์ ฟาร์มา จำกัด (มหาชน) หรือ IP บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายเวชภัณฑ์ เวชสำอาง ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพสำหรับคนและสัตว์ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า แผนยุทธศาสตร์จากนี้ไป (2022-2026) หลัก ๆ ยังมุ่งเน้นการดำเนินงานตามวิสัยทัศน์ของบริษัทที่วางไว้ คือ การเป็นผู้นำผลิตภัณฑ์สุขภาพแบบครบวงจร ตั้งแต่ธุรกิจต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ทั้งของคนและสัตว์ (Leader in Holistic Solution for Human & Animal Healthcare)

โดยในแง่ของธุรกิจต้นน้ำ มีแผนจะลงทุนเพื่อยกระดับมาตรฐานการผลิตของโรงงานหลักที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ) ให้ได้มาตรฐานโรงงานยาของอียู สแตนดาร์ดใหม่ ที่เป็นมาตรฐานสูงสุดของโลกในปัจจุบัน จากเดิมที่โรงงานนี้ได้รับการรับรองมาตรฐาน PIC/S (Pharmaceutical Inspection Co-operation Scheme) ของอียูอยู่ก่อนแล้ว และสามารถผลิตได้ทั้งยาเม็ด แคปซูล และไลน์การผลิตยาแบบปลอดเชื้อ ซึ่งนอกจากการผลิตยาของบริษัทแล้วส่วนหนึ่งยังรับจ้างผลิตให้ Teva บริษัทยาอันดับ 1 ของอิสราเอล และอันดับ 1 ของโลกในแง่ของยาเจเนอริก ส่วนโรงงานอีกแห่งหนึ่งที่สมุทรปราการ เน้นการผลิตโปรดักต์ชนิดเม็ด แคปซูล ครีม น้ำและผง

ตารางฟาร์มาแลบ

“เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ได้เดินทางไปสหรัฐอเมริกา เจรจากับพันธมิตรเพื่อจะนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาใช้โรงงานที่อยุธยา เพื่อยกระดับมาตรฐานการผลิต จากเจเนอริกมาเป็นนวัตกรรม นอกจากนี้ ยังมีการคุยกับโรงงานที่เป็นผู้ผลิตยารายใหญ่ในต่างประเทศอีกจำนวนหนึ่ง เพื่อนำยามาผลิตที่โรงงานที่อยุธยาด้วย” ดร.ตฤณวรรธน์กล่าวและว่า

ส่วนในแง่ของธุรกิจกลางน้ำ มีแผนจะเร่งพัฒนาการขาย การกระจายสินค้า การเพิ่มช่องทางจำหน่าย รวมทั้งดิจิทัลแพลตฟอร์ม เพื่อรองรับอนาคต สำหรับธุรกิจปลายน้ำ ที่สำคัญ คือ เรื่องของเฮลท์แคร์ ก็คือ ร้านยา คลินิก และโรงพยาบาล บริษัทมีแผนจะเร่งการปรับปรุงบริการ

บุกธุรกิจปลายน้ำ-ปูพรมร้านยา

ดร.ตฤณวรรธน์ย้ำว่า ยุทธศาสตร์สำคัญจากนี้ไป บริษัทจะให้ความสำคัญกับธุรกิจปลายน้ำมากขึ้น โดยมีแผนจะเปิดสาขาร้านขายยา LAB Pharmacy ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท ดรักแคร์ จำกัด ที่เป็นบริษัทย่อยอย่างต่อเนื่อง ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด เบื้องต้นตั้งเป้าจะขยายเพิ่มประมาณ 10-15 สาขาต่อปี ล่าสุด เพิ่งเปิดสาขาที่ 21 (วิลล่า มาร์เก็ต โครงการ Velaa at Sindhorn Villages หลังสวน) ซึ่งเป็นสาขานำร่องในการเพิ่มโซนของ pet pharmacy เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่มักมีสัตว์เลี้ยงมาเติมเต็มชีวิต และในอนาคตมีแผนจะทำค้าส่ง ทำดิจิทัลแพลตฟอร์ม รวมถึงการเพิ่มช่องทางการรับบริการผ่าน telepharmacy/telemedicine ที่เป็นการร่วมมือกับกลุ่มโรงพยาบาลต่าง ๆ

นอกจากการลงทุนเปิดสาขาด้วยตัวเองแล้ว บริษัทยังมีนโยบายที่เปิดกว้างรับ strategic partner ในการขยายสาขาแล็บ ฟาร์มาซีด้วย รวมทั้งในระยะถัดไปยังมีแผนจะเพิ่มแบรนด์ร้านขายยาอีกแบรนด์หนึ่งขึ้นมา เพื่อใช้เปิดให้บริการในที่อื่น ๆ เช่น สถานีบริการน้ำมัน ส่วน แล็บ ฟาร์มาซี จะเน้นเปิดในศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า เป็นหลัก

“ที่ผ่านมาร้านขายยาเป็นธุรกิจที่โตทุกปี เนื่องจากเรื่องเฮลท์แคร์นั้นเป็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก แต่อีกด้านหนึ่งร้านขายยาก็เป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูง ตลาดร้านขายยายังเติบโตได้อีกมาก ร้านขายยาจะเป็นพอร์ตใหญ่ของบริษัทในอนาคต 4-5 ปีข้างหน้า”

ดร.ตฤณวรรธน์ยังให้ข้อมูลด้วยว่า ล่าสุด บริษัทยังได้เพิ่มธุรกิจใหม่ขึ้นมาอีก 1 กลุ่ม คือ โรงพยาบาลและคลินิก ล่าสุด เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา บริษัทได้รับใบอนุญาตใบประกอบการคลินิก โดยมีแผนจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไตรมาส 4 ประมาณเดือนตุลาคมนี้ ในชื่อของ Inter Wellness Clinic ที่เน้นการให้บริการในเรื่องสุขภาพและชะลอวัย

ปูพรมสินค้าใหม่-ลุยอาหารสัตว์

ซีอีโอ อินเตอร์ ฟาร์มา ยังระบุด้วยว่า นอกจากนี้ สำหรับธุรกิจอีก 5 กลุ่มที่เหลือ แต่ละกลุ่มธุรกิจก็มีแผนจะทยอยส่งสินค้าใหม่เข้าสู่ตลาดเป็นระยะ ๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ 1.กลุ่มเวชสำอางและนวัตกรรมความงาม จะมีโปรดักต์ใหม่ออกมา อาทิ ยาสีฟัน มูสโฟมล้างหน้า โปรไบไอติก มูสโฟมสำหรับจุดซ่อนเร้น โปรไบโอติก 2.กลุ่มยารักษาโรค ที่สินค้าบางรายการ จะเริ่มมีการทำโฆษณา เช่น บับเบิลเอ็กซ์ แก้ท้องอื้ดท้องเฟ้อ หรือแน็กซ์ ละลายเสมหะ เป็นต้น

3.กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพและชะลอวัย จะมีสินค้าตัวใหม่ออกมาเพิ่มอีกหลายตัว รวมถึงสินค้าที่ร่วมมือกับ ปตท. 3 สูตร ซึ่งบริษัทเป็นผู้ผลิต ที่จะเริ่มทำตลาดตั้งแต่ไตรมาส 4 เป็นต้นไป 4.กลุ่มเวชภัณฑ์สำหรับสัตว์ก็จะมีสินค้าใหม่ที่ใช้ทดแทนการใช้ยาปฏิชีวนะในการเลี้ยงหมู ไก่ วัว และ 5.กลุ่มสุขภาพสัตว์เลี้ยง (อาหารสัตว์) จะมีโปรดักต์ออกมาเพิ่ม เป็นสแน็ก

แนวทางที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ การเร่งการทำตลาดกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงทั้งสุนัขและแมวมากขึ้น โดยใช้จุดเด่นในเรื่องของวัตถุดิบภายใต้มาตรฐานเดียวกับผลิตภัณฑ์ของคน และมีโปรดักต์ที่หลากหลายสำหรับรักษาภาวะขาดแคลเซียม ช่วยรักษาโรคหัวใจสำหรับสุนัขและแมว ช่วยรักษาโรคตับสำหรับสุนัขและแมว ช่วยรักษาภาวะโลหิตจางสำหรับสุนัขและแมว ช่วยรักษาโรคผิวหนังสำหรับสุนัขและแมว ทั้งแบรนด์ Maria Choo Choo รวมถึงเวชภัณฑ์และโภชนบำบัด สำหรับสุนัขและแมว แบรนด์ Dr.Choice ที่จะเร่งขยายตลาดในตลาดต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งตอนนี้ บริษัทได้จองบูทที่จะเข้าร่วมงาน Global Pet Expo ที่ออร์แลนโด รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา

โดยตอนนี้โปรดักต์ประมาณ 20 เอสเคยู และเน้นกลุ่มที่เป็นอาหารเปียก เจาะตลาดบน เน้นวัตถุดิบหรือส่วนผสมจากปลา พรีไบโอติก กรดไขมันโอเมก้า 3 ที่เป็นการพัฒนาโปรดักต์เพื่อตลาดโลก ซึ่งที่ผ่านมา ได้ส่งออกไปจำหน่ายในหลายประเทศ อาทิ เกาหลี อินเดีย เวียดนาม ฯลฯ แต่ยังไปได้ช้า ๆ เนื่องจากอยู่ในช่วงของการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่หลังจากโควิดคลี่คลาย บริษัทก็จะเร่งขยายตลาดมากขึ้น รวมถึงการขยายตลาดประเทศเพิ่ม โดยมีเป้าหมายสำคัญที่ อเมริกา ยุโรป และออสตรเลีย

“ตลาดอาหารสัตว์ เป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงมาก ที่ผ่านมาตลาดนี้เติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้กระทั่งในช่วงโควิด ตลาดก็ไม่ได้รับผลกระทบ ยอดขายยังเติบโตและอาจจะกล่าวได้ว่า อาหารสัตว์ ก็เป็นปัจจัยสี่อย่างหนึ่ง” ซีอีโอ บริษัท อินเตอร์ ฟาร์มา กล่าวในตอนท้าย