เมเจอร์ ผุด 13 สาขา ปี 2566 พร้อมสารพัดเทคโนโลยีเอาใจคอหนัง

โรงหนังเมเจอร์

เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ระดมนำเข้าสุดยอดเทคโนโลยีล่าสุดทั้ง IMAX with LASER, ScreenX PLF, CAPSULE HOLOGRAM เสริมแกร่งโรงหนังปี 2566 พร้อมเร่งสร้างรายได้จากป๊อปคอร์นนอกโรงหนัง

วันที่ 9 ธันวาคม 2565 วิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปี 2566 ที่จะถึงนี้ เตรียมขยายสาขาโรงภาพยนตร์ 13 สาขา รวม 49 โรง ด้วยงบประมาณ 600 ล้านบาท ไม่ว่าจะเป็นที่ One Bangkok, เซ็นทรัล เวสต์ วิลล์ ราชพฤกษ์, โลตัสนครนายก, สระแก้ว, นราธิวาส, ปัตตานี, บิ๊กซีบางบอน, สระบุรี ส่วนยะลา เปิดกับไฮเปอร์มาร์เก็ต 2 สาขา และเปิดสาขาสแตนด์อะโลนที่ภูเก็ต รวมถึงขยายสาขาโบว์ลิ่งเพิ่มอีก 3 สาขา 40 เลน และคาราโอเกะ 30 ห้อง

พร้อมนำเข้าสุดยอดเทคโนโลยีล่าสุดของโลกภาพยนตร์มาอัพเกรดประสบการณ์การชมภาพยนตร์ในโรงให้แตกต่างจากการดูที่บ้านหรือแพลตฟอร์มอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น

IMAX with Laser ซึ่งเป็นระบบการฉายภาพยนตร์ผสมผสานการฉายภาพด้วยเลเซอร์ระดับ 4K ให้ภาพที่สว่างกว่า และความละเอียดสูงขึ้น โดยจะติดตั้งใน 3 สาขา คือ พารากอน ซีนีเพล็กซ์, ไอคอน ซีเนคอนิค และจะขยายสาขาไอแมกซ์แห่งใหม่อีก 1 แห่ง พร้อมระบบการฉาย IMAX with Laser ที่เมกา ซีนีเพล็กซ์

เทคโนโลยี CAPSULE HOLOGRAM เป็นโรงภาพยนตร์รายแรกของโลกที่ซื้อ CAPSULE HOLOGRAM ของ ARHT Media Inc. มาไว้ที่โรงภาพยนตร์พารากอน ซีนีเพล็กซ์ จะช่วยให้สามารถมอบประสบการณ์พิเศษแก่ผู้ชมที่ผสมผสานโลกแห่งความเป็นจริงและเมต้าเวิร์ส ทั้งในโรงภาพยนตร์และในงานพิเศษต่าง ๆ ผู้ชมจะสามารถพบปะและทักทายกับโฮโลแกรม 3 มิติเสมือนจริง สามารถส่งสัญญาณสดไปยังหน้าจอได้จากทุกที่ในโลก

โรงภาพยนตร์ ScreenX PLF ในรูปแบบ Premium Large Format แห่งใหม่ ที่พารากอน ซีนีเพล็กซ์ เป็นแห่งที่ 2 ด้วยรูปแบบพิเศษครบมิติ ด้วยมุมมองการรับชมภาพที่กว้างมากขึ้นถึง 270 องศา จาก 3 จอขนาดยักษ์ที่ให้ภาพกว้างรวมกันมากถึง 55 เมตร ซึ่งเป็นโรงภาพยนตร์แบบแรกของโลกที่ใช้ระบบการฉาย 3 ทิศทาง คือ จอด้านหน้า และจอบนกำแพงด้านซ้ายและขวา ด้วยเครื่องฉายหลายตัว (Multi-Projection System)

ขณะเดียวกันยังเดินหน้าพัฒนาสนับสนุนการสร้างภาพยนตร์ไทยหวังผลักดันให้มีส่วนแบ่งการตลาดภายในประเทศให้ได้ 50% ตั้งเป้าหมายให้ภาพยนตร์ไทยเข้าฉายให้ได้ปีละ 20 เรื่อง เฉลี่ยประมาณเดือนละ 2 เรื่อง เพื่อให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็น King of Content Hub หวังสร้างภาพยนตร์ไทยป้อนสู่ตลาดโลกพร้อมผลักวัฒนธรรมบันเทิงผ่านภาพยนตร์ให้เกิด Soft Power นำรายได้เข้าสู่ประเทศผ่านเนื้อหาในภาพยนตร์ อาทิ ตัวละคร เครื่องแต่งกาย สถานที่ และอาหารในเมืองไทย

สำหรับการสร้างรายได้จากป๊อปคอร์นนอกโรงหนังจะเดินหน้าขยายจุดจำหน่ายแบบ Kiosks เพิ่มอีก 20 สาขา หลังสิ้นปี 2565 จะมี Kiosks สาขานอกโรงภาพยนตร์บริการรวม 19 สาขา

ทั้งนี้ปัจจุบัน เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป มีสาขาโรงภาพยนตร์ที่เปิดให้บริการ ณ สิ้นปี 2565 รวมทั้งสิ้น 180 สาขา 839 โรง 188,973 ที่นั่ง แบ่งเป็น

ในประเทศ 172 สาขา 800 โรง 180,081 ที่นั่ง
– สาขาในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 44 สาขา 346 โรง 77,605 ที่นั่ง
– สาขาในต่างจังหวัด 128 สาขา 454 โรง 102,919 ที่นั่ง

ต่างประเทศ 8 สาขา 39 โรง 8,449 ที่นั่ง
– สาขาในประเทศลาว 3 สาขา 13 โรง 3,235 ที่นั่ง
– สาขาในประเทศกัมพูชา 5 สาขา 26 โรง 5,368 ที่นั่ง

มีสาขาโบว์ลิ่ง บลูโอ ริธึม แอนด์ โบว์ล เปิดให้บริการ 8 สาขา 210 เลน, คาราโอเกะ 121 ห้อง, ห้องแพลทินัม 9 ห้อง