YUM…เฉลยเคล็ด ความแกร่ง KFC ทะลุ 1,000 สาขา

เศกชัย ชูหมื่นไวย-KFC
สัมภาษณ์

หลังเข้ามาเปิดสาขาแรกในไทยเมื่อกว่า 38 ปีก่อน ปี 2565 นี้ เคเอฟซี เชนร้านไก่ทอดสัญชาติสหรัฐ ประกาศความสำเร็จมีสาขาครบ 1,000 สาขาทั่วประเทศ

พร้อมคว้าตำแหน่งฟาสต์ฟู้ดที่มีสาขามากที่สุดในไทย และดันไทยขึ้นเป็นประเทศที่มีสาขาเคเอฟซีมากเป็นอันดับ 7 ของโลก แซงหน้าตลาดใหญ่อย่างอินโดนีเซียและมาเลเซีย รวมถึงรายได้ยังเติบโต 24% สูงสุดในช่วง 4 ปี สวนทางกับสถานการณ์การระบาดและเศรษฐกิจ ด้วยจำนวนการสั่งซื้อกว่า 100 ล้านครั้ง พร้อมย้ำความแข็งแกร่งด้วยแผนเดินหน้าขยายสาขาโมเดลใหม่ ๆ ที่มุ่งตอบโจทย์ลูกค้านิวเจนอย่างต่อเนื่อง

“เศกชัย ชูหมื่นไวย” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) ผู้บริหารใหญ่ ที่แม้จะมารับตำแหน่งเอ็มดีได้เพียงประมาณ 1 ปี แต่ถือเป็นมือดีที่ทำงานด้านการตลาดกับยัมมานานถึง 9 ปี มีผลงาน อาทิ พัฒนาคอลเซ็นเตอร์ 1150 รวมถึงดูแลด้านการหลายประเทศในโซนเอเชีย ได้แชร์แนวคิดเบื้องหลังความสำเร็จที่ผ่านมา รวมถึงแนวทางต่อยอดในอนาคต

คีย์ซักเซสเกิดจากคน

“เศกชัย” ย้ำว่า คน คือปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการสร้างความสำเร็จ โดย คน ในที่นี้ครอบคลุมทั้งพนักงาน, แฟรนไชซี และลูกค้า เนื่องจากทุกอย่างต้องมีคนเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพไก่ที่ต้องผ่านกว่า 200 ขั้นตอนก่อนจะเสิร์ฟให้ลูกค้า การบริการลูกค้าทั้งในร้าน ไดรฟ์ทรูและดีลิเวอรี่ด้วยทีมพนักงานกว่า 2 หมื่นคน ไปจนถึงการประสานความร่วมมือกับแฟรนไชซีทั้ง 3 ราย คือ เซ็นทรัล เรสตอรองส์, เดอะ คิวเอสอาร์ ออฟ เอเชีย และเรสเตอรอง ดีเวลลอปเม้นท์ ให้สามารถทำธุรกิจได้เต็มศักยภาพ จนสามารถบรรลุตัวเลข 1,000 สาขา

สาขา KFCในประเทศไทย

“จากประสบการณ์กว่า 30 ปี ทั้งในและนอกวงการธุรกิจอาหารทำให้เห็นชัดว่าทุกอย่างทำด้วย คน รวมถึงที่เคเอฟซีอาหารทุกชิ้นล้วนต้องผ่านพนักงาน เท่ากับว่าพนักงานเป็นเสมือนส่วนผสมที่ 12 ในสูตรไก่ทอด จึงต้องมุ่งพัฒนาบุคลากรให้สามารถเป็นตัวของตัวเอง และสนุกกับการทำงาน เพราะถ้าพนักงานมีความสุขทั้งด้านงานและการใช้ชีวิตจะทำอาหาร-ให้บริการได้ดี และทำให้ลูกค้ามีความสุขตามไปด้วย”

ดังนั้น จึงต้องมุ่งเน้นการพัฒนาพนักงาน การเข้าถึงและตอบโจทย์ของลูกค้า ผ่านความร่วมมือกับแฟรนไชซีทั้ง 3 ราย โดยด้านการพัฒนาพนักงานนั้นได้ใช้โอกาสครบ 1,000 สาขา เปิดโครงมอบทุนการศึกษาจำนวน 1,000 ทุน ให้พนักงานทั่วประเทศ มูลค่ารวมกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งหลังจากนี้จะมีการมอบทุนการศึกษาเพิ่มต่อเนื่อง และจะขยายฐานผู้รับออกไปยังภายนอกบริษัทอีกด้วย

มุ่งทำเลนอกห้างตอบโจทย์ลูกค้า

กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ฯ กล่าวต่อไปว่า ขณะเดียวกันจะเดินหน้าขยายสาขาในโมเดลใหม่ ในทำเลใหม่ รวมถึงนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เน้นตอบโจทย์ผู้บริโภครุ่นใหม่วัยเรียน-วัยเริ่มทำงานที่เป็นเป้าหมายหลักและปัจจุบันการระบาดของโควิด-19 ทำให้ไลฟ์สไตล์การทานอาหาร-ใช้ชีวิตของคนกลุ่มนี้เปลี่ยนไปมาก ไม่ว่าจะเป็นการใช้เวลาในห้างน้อยลง นิยมใช้บริการดีลิเวอรี่หรือมารับสินค้าที่ร้านกลับไปทานที่บ้านมากขึ้น เป็นต้น ซึ่งคาดว่าจะต่อเนื่องไปในปีหน้าด้วย ทำให้ในปี 2566 จะมุ่งทำเลนอกห้าง เช่น ปั๊มน้ำมัน สแตนด์อะโลน ไดรฟ์ทรู ฯลฯ

รูปแบบสาขาที่ประสานกับแฟรนไชซีเพื่อพัฒนารูปแบบใหม่ ๆ เช่นเดียวกับสาขาเอกมัย, ศูนย์การค้าเดอะปาร์ค, สามย่านมิตรทาวน์ ฯลฯ ซึ่งไม่เพียงถูกใจลูกค้าชาวไทย แต่ยังรวมไปถึงชาวต่างชาติ หลังก่อนหน้านี้สาขาเอกมัยได้รับการโหวตจากพาร์ตเนอร์เคเอฟซีทั่วโลกให้เป็นสาขาที่สวยที่สุดในโลก โดยปัจจุบันเคเอฟซีมีสาขา 2.8 หมื่นสาขา ใน 120 ประเทศ

“แม้จะครบ 1,000 สาขาแล้ว แต่มั่นใจว่าตลาดประเทศไทยยังมีศักยภาพให้สามารถขยายเพิ่มได้มากกว่านี้ โดยจะพยายามเปิดเพิ่มปีละ 80 สาขา เช่นเดียวกับปี 2565 ตามเป้าหมายให้ลูกค้าเข้าถึงได้ใน 15-20 นาที หรืออยู่ในระดับไปที่ไหนก็มี รวมถึงยอดสั่งสินค้าเติบโตในระดับเลข 2 หลัก หลังปัจจุบันลูกค้าขาประจำจะมาใช้บริการเฉลี่ยเดือนละครั้ง ส่วนขาจรจะมา 3-6 เดือนต่อครั้ง”

ด้านนำเทคโนโลยีเข้ามาอำนวยความสะดวกให้ทั้งลูกค้าและพนักงานอย่างระบบสั่งสินค้าผ่านแอปและมารับที่ร้าน เช่นเดียวกับการทำตลาดที่จะมีความเป็นวัยรุ่นตามแผนลดอายุให้แบรนด์อย่างการเล่นกับเทศกาลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเดินสายมอบตะกร้าบักเก็ตไก่ทอดให้แบรนด์ต่าง ๆ ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค, นันยาง, ติ๊กต๊อก, แบรนด์, เลย์, ท็อปส์ และอื่น ๆ ช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ พวงมาลัยไก่ป๊อปสำหรับช่วงวันแม่ เป็นต้น

ชู 3 แฟรนไชซี หัวหอกบุกตลาด

“เศกชัย” ยังย้ำว่า การบริหารธุรกิจเคเอฟซีในประเทศไทยจะยังยึดโมเดลการมีแฟรนไชซี 3 ราย ซึ่งใช้ในไทยประเทศเดียวต่อไป เนื่องจากเชื่อว่าเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยเร่งสปีดการขยายสาขาได้

โดยขณะนี้เดอะ คิวเอสอาร์ ออฟ เอเชีย ดูแลร้าน 430 สาขา ขณะที่เซ็นทรัลเรสตอรองส์ ดูแล 320 สาขา ส่วนเรสเตอรอง ดีเวลลอปเม้นท์ ดูแล 250 สาขา ซึ่งปี 2565 นี้ แฟรนไชซีทั้ง 3 ราย เปิดสาขาใหม่รวมกัน 80 สาขา สร้างรายได้เติบโต 24% สูงสุดในช่วงโควิด-19 จากยอดสั่งอาหาร 100 ล้านครั้ง เป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้เคเอฟซีครองส่วนแบ่งอันดับ 1 ในตลาดไก่ทอด ในสัดส่วนดับเบิลดิจิต

ดังนั้น ไม่ว่าจะมีความเปลี่ยนแปลงใดเกิดขึ้นจะยังรักษาจำนวนแฟรนไชซีไว้ที่ 3 รายต่อไปแน่นอน