
“แม็คยีนส์” ตอกย้ำแบรนด์ยีนส์อันดับ 1 มั่นใจปี 2566 ยอดขายทะลุ 3.7 พันล้าน พร้อมดึง “อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม” นั่งแท่นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์คนใหม่ พร้อมทุ่มงบฯ 100 ล้านบาท ขยายสาขา-รีโนเวต ปี 2567 ตั้งเป้าโต 10-14%
วันที่ 21 มิถุนายน 2566 นายเจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC เปิดเผยว่า แม็คกรุ๊ป ดำเนินธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ “MY MC MY WAY ชีวิต…เต็มแม็ค” ภายใต้แนวคิด “Body Positivity” ความเข้าใจในความแตกต่างของรูปร่างและพร้อมสร้างสรรค์ลุกที่ดีที่สุดในแบบของตัวเอง ด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายของแม็คยีนส์ ให้ทุกคนได้ใช้ชีวิตแบบไร้ขีดจำกัด “แม็คยีนส์” พร้อมนำเสนอคอลเล็กชั่นใหม่ ๆ เข้าสู่ตลาด เพื่อตอกย้ำแบรนด์ยีนส์อันดับ 1 ของไทย
ล่าสุดในโอกาสที่แม็คกรุ๊ปดำเนินธุรกิจก้าวสู่ปีที่ 49 พร้อมเปิดตัวแม็คยีนส์ แบรนด์แอมบาสซาเดอร์ “อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม” ตัวแทนถ่ายทอดแบรนด์คอนเซ็ปต์หลักของแม็คยีนส์ My Mc My Way ชีวิตเต็มแม็ค พร้อมกับเปิดตัว Mc3109 (แม็ค 3109) The Original Straight ยีนส์รุ่นยอดนิยม รุ่นขายดีที่สุดของแม็คยีนส์กับ 5 สีใหม่คอลเล็กชั่นใหม่สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ความคลาสสิกของยีนส์รุ่นยอดนิยม ขายดีที่สุด
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของผลประกอบการยังคงเดินหน้าเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และคาดว่าในงวดปี 2566 (สิ้นสุด มิ.ย.) ยอดขายจะมีมากกว่า 3,700 ล้านบาท สูงกว่างวดปี 2565 ที่มี 2,923 ล้านบาท หลังงวด 9 เดือนรายได้ 2,832 ล้านบาท กำไร 525 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุดต่อเนื่อง และทะลุปี 2565 จากยอดขายเพิ่มขึ้นทุกช่องทางการจัดจำหน่าย
ด้านนายประพัฒน์ เสียงจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจและการขาย MC กล่าวว่า แม็คกรุ๊ป มีความมั่นใจในจุดแข็งเรื่องสินค้าและบริการ ด้วยช่องทางจำหน่ายรวมกันกว่า 600 จุด โดยเฉพาะการขยายสาขา Mc Outlet ณ วันที่ 31 มี.ค. 2566 ที่เปิดครบ 100 สาขา ทั่วประเทศได้มากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ก่อนหน้านี้ และบริษัทยังมีเป้าหมายการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง
โดยงวดปี 2567 บริษัทได้ตั้งงบลงทุน 100 ล้านบาท เป็นการขยายสาขาใหม่ 40 สาขา แบ่งเป็น Mc Outlet 30 สาขา และร้านค้าปลีกของตนเองในช่องทางห้างสรรพสินค้า 10 สาขา เพื่อรองรับกำลังซื้อและขยายช่องทางให้คนเข้าถึงง่ายขึ้น รวมทั้งรีโนเวตสาขาเดิมเพื่อสร้างประสบการณ์ในการซื้อที่ดีให้กับลูกค้า และลงทุนในด้านอื่น ๆ เช่นการตลาดซึ่งมีแผนที่จะใช้ Influencer 100 คนตามคอลเล็กชั่นที่จะออกมาตลอดทั้งปี
รวมทั้งตั้งเป้ายอดขายงวดปี 2567 จะเติบโต 10-14% และรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit) อยู่ที่ 65% ในขณะที่ยอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) จะเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก และตั้งเป้าช่องทางออนไลน์จะเติบโตสูงกว่ายอดขายหน้าร้าน เนื่องจากได้รับแรงผลักดันจากช่องทาง TikTok ซึ่งมีอัตราการเติบโตที่ดี และในอนาคตอันใกล้จะมีการทำงานร่วมกับแบรนด์อื่น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่จะทำให้บริษัทเติบโต
ปัจจุบันสัดส่วนยอดขายของบริษัทผ่านช่องทางร้านค้าปลีกของตนเอง (Free-standing Shop) ที่เป็นช่องทางหลัก มีสัดส่วนประมาณ 65% ห้างสรรพสินค้า (Department Store) สัดส่วน 22% ร้านค้าออนไลน์ (E-Commerce) สัดส่วน 9% และช่องทางอื่น ๆ คิดเป็นสัดส่วน 3%