“เอสซีลอร์” ปั้นไทยฮับแว่น ทุ่มงบฯก้อนโตผุดโรงงานยักษ์

เอสซีลอร์ลูซอตติกา
เอสซีลอร์ลูซอตติกา

เอสซีลอร์ลูซอตติกาฯ ทุ่ม 1.6 หมื่นล้าน ผุดโรงงานแห่งที่ 3 ขนาด 2.2 แสน ตร.ม. ใหญ่สุดในเครือที่ระยอง ปั้นไทยเป็นฐานผลิตแว่นป้อนตลาดโลก หวังชิงความได้เปรียบตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังตลาดแว่นตาเติบโตสูงทั้งภูมิภาคจากจำนวนชนชั้นกลาง พร้อมเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมบริการเกี่ยวกับสายตาผ่านเครือข่ายออนไลน์

นายทฤษฎี ตุลยอนุกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีลอร์ลูซอตติกา โฮลเซล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ออกแบบ ผลิต และจัดจำหน่ายเลนส์ กรอบแว่น รายใหญ่ กล่าวว่า ตลาดแว่นตาในไทยและเอเชีย-แปซิฟิกมีการเติบโตสูง เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจในหลายประเทศทำให้ผู้บริโภคมีกำลังซื้อสูงขึ้น และหันมาสนใจรวมถึงพร้อมลงทุนกับสุขภาพดวงตามากขึ้น ขณะที่จากการสำรวจของบริษัทพบว่าปัจจุบันคน 1 ใน 3 จะมีปัญหาสายตา ทำให้เป็นตลาดที่มีฐานผู้บริโภคมหาศาล โดยเทรนดหลักจะเป็นความต้องการเลนส์ที่มีฟังก์ชั่นเสริม เช่น ป้องกันหรือลดปัญหาต่าง ๆ เกี่ยวกับสายตาเพิ่มเติมจากการแก้สายตาสั้น-ยาว-เอียงแบบเดิม

นอกจากนี้ ผู้บริโภคยังให้ความสำคัญกับคุณภาพการบริการของผู้ผลิตและร้านค้ามากขึ้นด้วย และกระแสความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสวมใส่ยังทำให้มีความต้องการเลนส์สำหรับอุปกรณ์ต่าง ๆ เหล่านี้ด้วยเช่นกัน แนวโน้มการเติบโตนี้ทำให้การแข่งขันทั้งด้านนวัตกรรมและการบริการในตลาดแว่นตาพุ่งสูงขึ้น

ดังนั้นเพื่อชิงความได้เปรียบในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัทจึงตัดสินใจตั้งไทยเป็นฮับการผลิตเลนส์และแว่นสำหรับส่งออกสินค้าไปทั่วโลกรวมถึงเอเชีย-แปซิฟิก ด้วยการลงทุน 1.6 หมื่นล้านบาท หรือ 400 ล้านยูโร ตั้งโรงงานแห่งที่ 3 ในไทยที่จังหวัดระยอง จะเริ่มเดินเครื่องในกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ หลังปัจจุบันมีโรงงานแล้ว 2 แห่งที่จังหวัดชลบุรี และเขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ โดยก่อนหน้านี้บริษัทลงทุนในประเทศไทยไปแล้วกว่า 100 ล้านยูโร เพื่อพัฒนาด้านแล็บสำหรับฝนเลนส์ตามค่าสายตาไปก่อนแล้ว

“การตัดสินใจลงทุนในไทยนี้ เนื่องจากกฎหมาย ข้อกำหนดต่าง ๆ การสนับสนุนของรัฐบาลและความมั่นคงต่างเอื้อต่อการทำธุรกิจ ขณะเดียวกันการศึกษาไทยยังสามารถป้อนบุคลากรที่จำเป็น เช่น วิศวกร ให้กับอุตสาหกรรมนี้ได้ นอกจากนี้ ทำเลของไทยยังช่วยบาลานซ์ซัพพลาย-ดีมานด์ในตลาดต่าง ๆ ได้ดีขึ้น จากเดิมที่มีโรงงานหลักในจีนแผ่นดินใหญ่ ไทย เวียดนาม อินเดีย ญี่ปุ่น และเกาหลีอยู่แล้ว”

สำหรับไฮไลต์ของโรงงานแห่งใหม่นี้จะอยู่ที่ขนาดใหญ่ที่สุดในเครือด้วยพื้นที่ 2.2 แสน ตร.ม. วางโพซิชั่นให้เป็นโรงงานแบบครบวงจรครอบคลุมตั้งแต่การผลิตเลนส์สายตา เลนส์กันแดด กรอบแว่น และการประกอบเป็นตัวแว่นสำเร็จ ไปจนถึงการจัดจำหน่ายสินค้าไว้ในที่เดียว พร้อมเครื่องจักรที่ใช้เทคโนโลยีล่าสุด

ADVERTISMENT

โดยช่วงเฟสแรกของการเดินสายการผลิตจะมีกำลังผลิตแว่นตาประมาณ 5 หมื่นคู่ต่อวัน ซึ่งสามารถเพิ่มกำลังผลิตให้สูงขึ้นได้อีกตามดีมานด์ของตลาดในอนาคต ทำให้ใน 5 ปีจะมีการจ้างงานประมาณ 6 พันตำแหน่ง ซึ่งในจำนวนนี้ 400 ตำแหน่งจะเป็นบุคลากรความสามารถสูง เช่น วิศวกร และอื่น ๆ

นอกจากการขยายฐานการผลิตแล้ว ในช่วง 3-5 ปีจากนี้ บริษัทจะเดินหน้าเสริมจุดเด่นด้านการบริการและความยั่งยืนให้กับธุรกิจและตัวสินค้า โดยวางแผนเปิดบริการด้านการแพทย์ ด้วยการลงทุนด้านเครื่องมือต่าง ๆ ในร้านค้าของทั้งบริษัทและพาร์ตเนอร์ เพื่อเสริมประสบการณ์การใช้บริการพร้อมกับพัฒนาระบบให้บริการเกี่ยวกับสายตาผ่านเครือข่ายออนไลน์ เพื่อให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้กว้างยิ่งขึ้นกว่าการให้ผู้บริโภคมาใช้บริการที่ร้านเพียงอย่างเดียว

ADVERTISMENT

รวมถึงวางเป้าผลิตกรอบแว่นจากวัสดุธรรมชาติและวัสดุรีไซเคิลภายในปี 2568 หลังปัจจุบันโรงงานสามารถผ่านมาตรฐาน LEED ระดับ Gold ทั้งการลดคาร์บอนไดออกไซด์ ลดการใช้น้ำ การใช้พลังงานสะอาด ฯลฯ แล้ว

ทั้งนี้ เชื่อว่าการลงทุนโรงงานครั้งนี้จะสามารถเสริมศักยภาพการแข่งขันในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของบริษัทให้สูงขึ้นและสามารถคืนทุนได้ใน 3-5 ปี