เดอะมอลล์ ทุ่ม 5 หมื่นล้าน ปั้นย่านการค้า 3 มุมเมือง ยกระดับกรุงเทพฯสู่มหานครระดับโลก

ดิ เอ็มสเฟียร์
ดิ เอ็มสเฟียร์

เดอะมอลล์ กรุ๊ป สร้างย่านการค้า 3 โครงการ 3 มุมเมือง มูลค่ากว่า 50,000 ล้านบาท กับโครงการใหม่ “ดิ เอ็มสเฟียร์” จิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้าย “เอ็มดิสทริค” ดีเดย์ 1 ธ.ค.นี้ พร้อมปรับโฉม “เดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ” และ “เดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ บางแค” สู่การเป็นมหานครแห่งใหม่ ดีเดย์ 8 ธ.ค.นี้

วันที่ 14 พฤศจิกายน 2566 นางสาวศุภลักษณ์ อัมพุช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ด้วยวิสัยทัศน์และเป้าหมายในการยกระดับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางทางด้านธุรกิจการค้าและการท่องเที่ยวที่สำคัญของภูมิภาคอาเซียนและของโลก ประกอบกับยุทธศาสตร์ในการปักหมุดย่านการค้าสำคัญ และวางเป้าหมายในการพัฒนาย่านการค้า ไม่ใช่เพียงพัฒนาโครงการศูนย์การค้า สอดรับนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจการท่องเที่ยวโดยภาพรวม เช่นเดียวกับเมืองที่เป็นย่านการค้าสำคัญในโลก ด้วยปัจจัยสนับสนุนจากระบบรถไฟฟ้าที่เชื่อมต่อเส้นทางคมนาคมสำคัญภายในกรุงเทพ

ซึ่งจากประสบการณ์การบริหารธุรกิจรีเทล มากกว่า 4 ทศวรรษ บริษัทฯสร้างย่านการค้าจนประสบความสำเร็จมาแล้วเมื่อ 30 ปีที่ผ่านมา วันนี้ บริษัทจึงมีความพร้อมในการ พัฒนาย่านการค้าให้มีความสมบูรณ์แบบมากขึ้น สอดรับกับแผนพัฒนาการขยายตัวของเมือง ผ่าน 3 โครงการศูนย์การค้า ใน 3 มุมเมืองที่มีเอกลักษณ์เฉพาะและมีความโดดเด่น ด้วยมูลค่าเงินลงทุนรวม 3 โครงการกว่า 50,000 ล้านบาท

ศุภลักษณ์ อัมพุช
ศุภลักษณ์ อัมพุช

ดิ เอ็มสเฟียร์ ปรากฏการณ์ใหม่ที่โลกเรียกหา

โดยในวันที่ 1 ธันวาคม 2566 นี้ ศูนย์การค้า ดิ เอ็มสเฟียร์ จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ และจะเป็นศูนย์การค้าที่เข้ามาเติมเต็มความสมบูรณ์ให้กับ ดิ เอ็มดิสทริค ภายใต้แนวคิด ฟิวเจอร์ รีเทล ที่รวบรวมเทรนด์และไลฟ์สไตล์แห่งอนาคต ด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 20,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นย่านการค้าที่ยกระดับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางธุรกิจการค้า การท่องเที่ยวที่สำคัญของภูมิภาคอาเซียนและของโลก และจะเป็นความเร้าใจใหม่ของกรุงเทพฯ ที่ไม่เคยหลับใหล ซึ่งได้คัดสรรและรวบรวมศิลปะแห่งการใช้ชีวิตในทุกไลฟ์สไตล์มาไว้ในที่เดียว 

รวมถึงจะเป็น Entertainment Hub of Asia และเป็นย่านที่ปลุกบรรยากาศกรุงเทพฯ ให้เป็น BANGKOK CALLING THE WORLD ปรากฎการณ์ใหม่ที่โลกเรียกหา ที่จะเป็นจุดดึงดูดคนทุกชาติมารวมกันในที่แห่งนี้

ทั้งนี้ การเปิด ดิ เอ็มสเฟียร์ เป็นเพียงก้าวแรกในการเติมเต็ม เอ็มดิสทริค ที่ประกอบด้วย 3 ศูนย์การค้า ได้แก่ ดิ เอ็มโพเรียม ดิ เอ็มควอเทียร์ และดิ เอ็มสเฟียร์ ให้สมบูรณ์มากขึ้นในอนาคต โดยปัจจุบัน ดิ เอ็มโพเรียม จะเป็นศูนย์การค้าเกี่ยวกับ LUXURY INSTITUTE (ความเป็นที่สุดแห่งความหรูหรา)  

และ ดิ เอ็มควอเทียร์ จะเป็น CUTTING EDGE LUXURY &  HYBRID (ความลักเซอรี่ที่เหนือระดับ มีความเป็นเอกลักษณ์ของไลฟ์สไตล์) ในขณะที่ ดิ เอ็มสเฟียร์ เป็น ฟิวเจอร์ รีเทล (Future Retail) 

“เมื่อรวม 3 ศูนย์การค้าเข้าด้วยกัน เอ็มดิสทริค จะเป็นศูนย์การค้าแห่งอนาคตที่สมบูรณ์แบบ ที่สามารถขับเคลื่อนถนนสุขุมวิท ให้เป็นย่านการค้าสำคัญ และจะเป็นสิ่งใหม่ในอุตสาหกรรมรีเทลที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน” นางสาวศุภลักษณ์กล่าว

แหล่งแฮงก์เอาต์คุณภาพ ที่ไม่เคยหลับใหล

นายเกรียงศักดิ์ ตันติพิภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอ็มดิสทริคกล่าวเสริมว่า สำหรับโครงการ ดิ เอ็มสเฟียร์ จะมีร้านอาหาร ที่ปิดดึกหลังเที่ยงคืน บางร้านเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง และจะเป็นศูนย์รวมเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ที่ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ตอบโจทย์แนวคิด SLEEPLESS METROPOLIS หรือ เมืองที่ไม่เคยหลับใหล 

ผสานกับศักยภาพของเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ระดับเวิลด์คลาส ได้แก่ UOB LIVE  ซึ่งเป็น WORLD-CLASS ARENA ความจุ 6,000 ที่นั่ง รองรับการจัดคอนเสิร์ต กิจกรรมระดับโลก สนับสนุนแนวคิดการสร้างศูนย์กลางเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ในระดับภูมิภาคอาเซียน (HUB OF ENTERTAINMENT) 

ตลอดจนการเป็นสถานที่โชว์เคสของสุดยอดนวัตกรรมยนตรกรรมที่เป็น INNOVATIVE ระดับโลก อาทิ  Rolls-Royce, BMW รวมถึงความสมบูรณ์แบบของโชว์รูมยนตรกรรม INNOVATIVE ชั้นนำอีกมากมาย 

นอกจากนี้ ดิ เอ็มสเฟียร์ จะเป็นศูนย์กลางการ Hang out & Socialize บนทำเลที่ดีที่สุดบนถนนสุขุมวิท ที่รวบรวมเทรนด์และไลฟ์สไตล์กว่า 300 ร้านค้ามากกว่า 1,000 แบรนด์ มาไว้บนพื้นที่กว่า 200,000 ตารางเมตร กับ 2 อาคารที่เชื่อมต่อกัน

โดยใช้แนวคิด Industrial Style ในการตกแต่งภายใน ซึ่งเป็นเทรนด์การออกแบบที่ได้รับความนิยม อีกทั้งมีการใช้มิติของแสง สี เสียงเข้ามาช่วยเสริมบรรยากาศผสมผสานงานศิลปะภายในอาคาร สร้างความแตกต่างอย่างลงตัวจากศูนย์การค้าทั่วไป 

“ซึ่งทำให้ ดิ เอ็มสเฟียร์ เป็นสิ่งเติมเต็มและผลักดันความเป็น FUTURE RETAIL ของเอ็มดิสทริค อย่างแท้จริง” นายเกรียงศักดิ์กล่าว

เดอะมอลล์ฯ บางกะปิ-บางแค สู่การเป็นมหานครแห่งใหม่ 

นางสาวอัญชลี พัฒนอนันต์สุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม Leasing & Property บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า สำหรับ เดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ และ เดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์บางแค ได้ปรับโฉมใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “A HAPPY PLACE TO LIVE LIFE : ชีวิตที่มีความสุขทุกครอบครัว” ด้วยมูลค่าลงทุนรวม 30,000 ล้านบาท เพื่อร่วมสร้างย่านการค้าที่สำคัญของ กทม.ฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตก

ทั้งสองศูนย์การค้ามีพื้นที่กว่า 700,000 ตร.ม. และมีพันธมิตรธุรกิจกว่า 2,000 แบรนด์มาร่วมเปิดให้บริการ ซึ่งได้วางรูปแบบสู่การเป็น “มหัศจรรย์ มหาศาล ที่มหานครแห่งใหม่” ที่จะมาช่วยสร้างปรากฏการณ์ของอาณาจักรศูนย์การค้าที่ยิ่งใหญ่ ครบวงจร เพียบพร้อมและสมบูรณ์แบบ

เดอะมอลล์ บางกะปิ
เดอะมอลล์ บางกะปิ

นางสาวศุภลักษณ์กล่าวเพิ่มเติมว่า การเปิดตัวโฉมใหม่ทั้ง 3 โครงการในช่วงเดือนธันวาคมนี้ บริษัทได้ทุ่มงบฯเพิ่มอีก 2,000 ล้านบาท ในการจัดกิจกรรมต้อนรับการเปิดโฉมใหม่ ตั้งแต่ ดิ เอ็มสเฟียร์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. เป็นต้นไป หลังจากนั้น เดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ เริ่มตั้งแต่วันที่ 8 ธ.ค.นี้ ต่อจากนั้นจะเป็น เดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ บางแค เริ่มตั้งแต่ช่วงต้นปี 2567 

“โดยทั้ง 3 โครงการขนาดใหญ่จะเป็นการร่วมสร้างย่านการค้าใน 3 มุมเมือง เพื่อทำให้ภาคธุรกิจค้าปลีก ร่วมขับเคลื่อนและกระตุ้นเศรษฐกิจไทย”

เดอะมอลล์ บางแแค
เดอะมอลล์ บางแแค

สำหรับโครงการใหม่ในอนาคตกับ Bangkok Mall ในย่านบางนา ขนาดพื้นที่รวม 1 ล้าน ตร.ม. ใหญ่สุดในภูมิภาค ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง โดยจะเป็นการสร้างเมืองใหม่ที่แตกต่างจากการสร้างย่านการค้าที่ผ่านมา ด้วยมูลค่าการลงทุนประมาณ 30,000-40,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะเปิดในช่วงปี 2026-2027 ซึ่งจะเป็นโครงการที่เปิดโอกาสให้กับผู้ประกอบการ SMEs ได้มีพื้นที่ในการโชว์ศักยภาพของตนเองอีกด้วย