แอลจีส่งแอร์ AI-โปรบันเดิล-เก่าแลกใหม่ชิง 3.4 หมื่นล้าน

เครื่องปรับอากาศแอลจี

แอลจี เชื่ออากาศร้อน-ค่าไฟพุ่งหนุนคนซื้อ-เปลี่ยนแอร์ หนุนตลาดแอร์ปี’67 โต 20% ทะลุ 3.4 หมื่นล้าน ส่งแอร์พลัง AI พร้อมโปรคู่เครื่องฟอก-เก่าแลกใหม่ ชิงลูกค้าเครื่องใหม่-อัพเกรด ตั้งเป้าขายแอร์เพิ่ม 30% โตเหนือตลาด

นายอำนาจ สิงหจันทร์ หัวหน้าฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลาดแอร์ปี 2567 นี้มีแนวโน้มเติบโตสูงต่อเนื่องอีกปี เนื่องจากสภาพอากาศที่อาจร้อนจัดทะลุ 45 องศาเซลเซียส พร้อมกับค่าไฟฟ้าที่มีแนวโน้มสูงกว่า 4.6 บาทต่อหน่วย ต่างมากระตุ้นให้เกิดความต้องการซื้อแอร์เครื่องแรกหรือเครื่องที่ 2-3 เพื่อรับมือความร้อน และการซื้อเปลี่ยนแทนเครื่องเดิมเพื่อเพิ่มความประหยัดรับมือค่าไฟ ทำให้เชื่อว่าปี 2567 นี้ ตลาดแอร์จะมีมูลค่าถึง 34,327 ล้านบาท หรือเติบโต 20% จากปี 2566 ซึ่งมีมูลค่า 28,606 ล้านบาท และนับเป็นการเติบโตต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 หลังตลาดแอร์หดตัว 3 ปีซ้อนช่วงปี 2563-2565 จนมูลค่าลดลงไปเหลือ 22,567 ล้านบาท อีกด้วย

สำหรับบริษัทจะชิงความได้เปรียบในช่วงที่ตลาดมีแนวโน้มเติบโตและรับมือการแข่งขันไปพร้อมกัน ด้วยไลน์อัพแอร์ปี 2567 ที่เน้นจุดเด่น 2 ด้าน คือ การประหยัดไฟด้วยฟังก์ชั่น kW Manager (กิโลวัตต์แมเนเจอร์) ที่ใช้ระบบ AI มาวางแผนการใช้พลังงานของแอร์ การได้รับฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 แบบใหม่ในระดับ 1-5 ดาว และฟังก์ชั่นด้านคุณภาพอากาศทั้งความสะอาดและความสบาย ในสินค้าใหม่ทั้ง 5 ซีรีส์

โดยฟังก์ชั่น kW Manager นี้จะทำงานโดยให้ผู้ใช้ใส่ข้อมูลจำนวนชั่วโมงใช้งานต่อวัน จำนวนวันที่จะใช้ และเป้าจำนวนยูนิตค่าไฟที่ต้องการ จากนั้น AI จะวางแผนการใช้งานให้โดยอัตโนมัติและคอยแนะนำตามพฤติกรรมการใช้งานในแต่ละวัน เสริมกับการที่แอร์ในไลน์อัพปี 2567 ส่วนฟังก์ชั่นด้านคุณภาพอากาศจะมีทั้งระบบกระจายลมแบบใหม่ ระบบล้างตัวเอง

มีไฮไลต์เป็นรุ่นเรือธง Dualcool Elite ซึ่งเปิดตัวในไทยเป็นประเทศแรกของโลก โดยได้ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 แบบใหม่ในระดับ 5 ดาว พร้อมกับรองรับฟังก์ชั่น kW Manager และระบบเพิ่มอุณหภูมิ-ปิดเครื่องอัตโนมัติเมื่อไม่มีคนในห้อง ระบบกระจายลมแบบใหม่ ไปจนถึงการฟอกอากาศและล้างตัวเอง ทั้งนี้จะวางขายใน 2 ขนาด คือ 1.3 หมื่น และ 1.8 หมื่นบีทียู ราคาเริ่มต้น 3.99 หมื่นบาท

ส่วนซีรีส์อื่น ๆ จะมีระดับของฉลากเบอร์ 5 และฟังก์ชั่นและราคาลดหลั่นกันลงไป เช่น ฉลากเบอร์ 5 ระดับ 1 ดาว หรือไม่มีฟังก์ชั่นเพิ่มอุณหภูมิ-ปิดเครื่องอัตโนมัติ เป็นต้น เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคได้หลากหลายระดับกำลังซื้อ โดยขณะนี้ทยอยส่งสินค้าให้กับคู่ค้าทั่วประเทศแล้ว คาดว่าจะพร้อมขายในช่วงหน้าร้อนที่เป็นไฮซีซั่นแน่นอน

“เร็ว ๆ นี้บริษัทจะเปิดจำหน่ายแผ่นกรองอากาศหรือฟิลเตอร์ สำหรับใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น บ้านที่มีสัตว์เลี้ยง บ้านที่อยู่ใกล้ถนน บ้านที่สร้าง-ปรับปรุงใหม่ ไปจนร้านอาหาร ฯลฯ อีกด้วย เพื่อตอบโจทย์ความกังวลเรื่องสภาพอากาศของผู้บริโภคไทย”

นายอำนาจกล่าวต่อไปว่า ด้านการทำตลาดจะใช้งบฯ 200 ล้านบาท เพื่อผลักดันทั้งคู่ค้าช่องทางจำหน่ายต่าง ๆ ไม่ว่าจะโมเดิร์นเทรดและร้านแอร์ ไปจนถึงช่างแอร์ เช่นเดียวกับผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นการจัดสัมมนาดีลเลอร์ ส่งคาราวานเดินสายโรดโชว์จัดกิจกรรมกระตุ้นการขายหน้าร้านคู่ค้าทั่วประเทศ เพิ่มทีมพนักงานขายทั้งประจำและพาร์ตไทม์เพื่อรองรับจำนวนลูกค้าในช่วงหน้าขาย ควบคู่กับโปรโมชั่นสำหรับจูงใจผู้บริโภคอย่างจัดโปรโมชั่นบันเดิลหรือจัดชุดสินค้าแอร์คู่กับเครื่องฟอกอากาศในราคาพิเศษ ตอบโจทย์ทั้งสภาพอากาศร้อน ค่าไฟ และฝุ่น PM 2.5 ไปพร้อมกัน หรือโปรโมชั่นเก่าแลกใหม่ที่ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนแอร์เครื่องใหม่ ไปจนถึงการผ่อนชำระร่วมกับบัตรเครดิตต่าง ๆ

“แม้หน้าขายแอร์จะอยู่หลังหมดแคมเปญ Easy E-Receipt แต่เชื่อว่ายังมีความต้องการแอร์อยู่อีกมาก โดยคาดว่าแอร์ระดับกลาง-บนราคาประมาณ 1.19 หมื่นบาทขึ้นไปสำหรับขนาด 1.3 หมื่นบีทียู จะเป็นกลุ่มที่ได้รับความนิยมสูงสุด ขณะที่แอร์ที่มีจุดเด่นด้านประหยัดไฟจะได้รับความสนใจมากขึ้นกว่าเดิม”

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขายแอร์สำหรับปี 2567 นี้ไว้ที่ประมาณ 3,380-3,640 ล้านบาท หรือเติบโต 30-40% จากยอด 2,600 ล้านบาท เมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา