กิฟฟารีนกางแผนปี 2567 พร้อมลุยเต็มสูบ ทั้งขยายฐานลูกค้า-นักธุรกิจกิฟฟารีนสู่ Young Generation และช่องทางขายออนไลน์ โดยใช้ 2 กลุ่มสินค้าเรือธง ดันยอดสิ้นปี 2567 โตไม่น้อยกว่า 4-5%
วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 นายพงศ์พสุ อุณาพรหม รองกรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่เพื่อการเติบโตองค์กร บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด เปิดเผยว่า สำหรับทิศทางการดำเนินงานในปี 2567 นี้ กิฟฟารีนยังคงเน้นพัฒนาสินค้านวัตกรรมใหม่ ๆ ต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม อาทิ สกินแคร์ โปรตีนวีแกน ผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนักและทดแทนมื้ออาหาร ซึ่งเป็นหมวดสินค้าขายดีของกิฟฟารีน
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
โดยจะใช้งบทำการตลาดสำหรับกลุ่มสินค้าสกินแคร์ประมาณ 30 ล้านบาท และกลุ่มโปรตีนวีแกนและผลิตภัณฑ์ทดแทนมื้ออาหารอีก 20 ล้านบาท พร้อมปรับโฉมสำนักงานธุรกิจในภูมิภาคหลัก ๆ และทำตลาดเชิงรุกในช่องทางออนไลน์เต็มกำลัง เพื่อหวังนำเสนอธุรกิจให้ทัชใจคนรุ่นใหม่มากขึ้น เพื่อจูงใจให้คนรุ่นใหม่ หรือ Young Generation หันมาร่วมธุรกิจกับกิฟฟารีน
ซึ่งตั้งเป้าสิ้นปี 2567 สัดส่วนนักธุรกิจกิฟฟารีนจะมีคนรุ่นใหม่ หรือ Young Generation เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 20% จากที่กิฟฟารีนมีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นทุกปี ปีละ 5,000-10,000 รหัส
ขณะเดียวกัน บริษัทก็ยังคงรุกหนักในช่องทางออนไลน์ พร้อม Reorganize สำนักงานธุรกิจกิฟฟารีนทั่วประเทศ โดยเฉพาะในภูมิภาคหลัก ๆ ให้กลายเป็นศูนย์กระจายสินค้าที่ทันสมัย และเป็นร้านค้า Display เพื่อต้องการเจาะเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ รวมถึงกลุ่ม Young Generation เพิ่มขึ้น
เพราะเชื่อว่ากลุ่มคนรุ่นใหม่ จะช่วยขยายฐานให้กับกิฟฟารีนได้กว้างขึ้น แข็งแกร่งขึ้น และช่วยผลักดันยอดรายได้รวมของกิฟฟารีนเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยสิ้นปี 2567 คาดว่าจะทำได้เติบโตไม่น้อยกว่า 4-5% จากปี 2566
นายพงศ์พสุกล่าวว่า ตลอด 28 ปี จากเดือน มี.ค. 2539-ธ.ค. 2566 กิฟฟารีนมีผลประกอบการรวมทะลุ 106,499 ล้านบาท แม้ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาภาพรวมเศรษฐกิจจะไม่ค่อยมีปัจจัยเอื้อต่อการเติบโตมากนัก เพราะกำลังซื้อในระบบยังมีไม่มาก แต่กิฟฟารีนก็ยังสามารถควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ได้ดีในหลาย ๆ ด้าน
โดยยอดรายได้หลักมาจากสินค้า 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มสกินแคร์ 2.กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และ 3.กลุ่มผลิตภัณฑ์ทดแทนมื้ออาหารและควบคุมน้ำหนัก จากปัจจุบันที่กิฟฟารีนมีสินค้าทั้งหมด 6 กลุ่ม รวมกว่า 2,000 รายการ
ในส่วนของแง่การแข่งขันของธุรกิจขายตรง ก็ยังรุนแรงต่อเนื่องไม่มีแผ่ว ซึ่งนอกจากแข่งกันเองในธุรกิจขายตรงแล้ว ยังต้องแข่งกับผู้ประกอบการค้าปลีกด้วย ทำให้การทำตลาดจะอยู่นิ่งเฉยไม่ได้ ต้องทำการตลาดเชิงรุกรอบด้าน ในส่วนของกิฟฟารีนจะทำตลาดแบบเน้นความต้องการของลูกค้ามาเป็นอันดับหนึ่ง
โดยจะมุ่งเน้นผลิตสินค้าที่ลูกค้าและผู้บริโภคต้องการมากที่สุด ยิ่งปัจจุบันกำลังซื้อผู้บริโภคยังไม่ค่อยดี ยังระวังการใช้จ่ายเงิน และเลือกซื้อสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีพก่อน ขณะที่สินค้าที่อยากได้ จะยอมควักเงินซื้อในปริมาณที่เหมาะสม และมองเรื่องความคุ้มค่า ความจำเป็นก่อน กิฟฟารีนก็ยิ่งต้องลุยเต็มสูบ เพื่อเจาะให้ตรงใจตรงความต้องการของผู้บริโภคมากที่สุด
อย่างไรก็ตาม แม้ภาพรวมเศรษฐกิจประเทศไทย และเศรษฐกิจทั่วโลกจะยังไม่ดี จากปัจจัยหลาย ๆ อย่าง โดยเฉพาะเรื่องสงคราม และท่าทีของประเทศมหาอำนาจที่สามารถสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกได้ ซึ่งไม่ง่ายกับการทำตลาด และสร้างยอดขายตูมตามในปี 2567 นี้ แต่กิฟฟารีนก็ยังจะบุกเต็มกำลัง โดยชู 2 กลุ่มสินค้าเรือธง คือ กลุ่มสกินแคร์ และกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร