เฉลยเคล็ด “แอมเวย์” …โตสวนกระแสเศรษฐกิจ

กิจธวัช ฤทธีราวี กรรมการผู้จัดการ แอมเวย์

ธุรกิจขายตรงเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ต้องปรับตัวอย่างต่อเนื่อง หลังจากได้รับผลกระทบจากกระแสดิจิทัลดิสรัปชั่นที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจ มู้ดการจับจ่ายในภาพรวมที่ยังทรงตัว กลายเป็นโจทย์สำคัญที่ทำให้ภาคธุรกิจต้องปรับตัว เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

ล่าสุด “กิจธวัช ฤทธีราวี” กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ขายตรงเบอร์ 1 ของเมืองไทย ประกาศเดินหน้าปรับเปลี่ยนกลยุทธ์และแนวทางสร้างการเติบโตของธุรกิจจากนี้ไป

Q : ภาพรวมของธุรกิจขายตรงในปีนี้

ปัจจุบันภาพรวมของธุรกิจขายตรงมีมูลค่า 7 หมื่นล้านบาท มีแนวโน้มการเติบโตเพียง 1-2% ขายตรงตอนนี้ค่อนข้างเหนื่อย ทุกบริษัทต้องปรับตัวให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้ ด้วยการปรับตัวเพิ่มช่องทางจำหน่ายใหม่ ๆ อาทิ แพลตฟอร์มออนไลน์และเว็บไซต์ต่าง ๆ รวมถึงการลอนช์สินค้าใหม่เพื่อตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างครอบคลุม แต่ในส่วนของแอมเวย์ ครึ่งปีแรกที่ผ่านมามีการเติบโต 10%

Q : อะไรที่ทำให้แอมเวย์เติบโตแรงกว่าตลาด

จุดแข็งของแอมเวย์ คือการมีฐานลูกค้าเดิมที่ยังสั่งซื้อผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง รวมถึงปัจจัยของสภาพอากาศที่มีปัญหาเรื่องฝุ่น PM 2.5 ทำให้สินค้ากลุ่มเครื่องกรองอากาศ แอตโมสเฟียร์ มียอดสั่งซื้อจำนวนมากในช่วงต้นปีที่ผ่านมา

อีกทั้งบริษัทมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มสุขภาพและความงาม อาทิ ผลิตภัณฑ์ควบคุมน้ำหนัก บอดี้คีย์ บาย นิว ทริไลท์ และเครื่องดื่มให้พลังงาน “เอ็กซ์เอส เอเนอร์จี้ ดริ๊งค์” (XS Energy Drink) กลิ่นแครนเบอรี่-เกรปบลาสต์ และกลิ่นทรอปิคอลบลาสต์ สูตรไม่มีน้ำตาล พลังงาน 0 กิโลแคลอรีต่อกระป๋อง ที่พัฒนาขึ้นมาให้ตอบโจทย์เทรนด์สุขภาพ นอกจากนี้ก็จะมีสินค้าของแอมเวย์ที่ครอบคลุมการใช้งานในชีวิตประจำวัน

Q : กลยุทธ์ของแอมเวย์ต่อจากนี้

แอมเวย์ยังคงให้ความสำคัญในการพัฒนาสินค้าผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงาม พร้อมปรับภาพลักษณ์แบรนด์ให้ทันสมัย เพื่อให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่ ด้วยการพัฒนาช่องทางการทำธุรกิจให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคดิจิทัล

ล่าสุด ได้เตรียมงบประมาณ 1,000 ล้านบาท เตรียมเปิดตัวโปรแกรม “คอร์พลัส” (CORE PLUS+) เพื่อปรับโครงสร้างรายได้เพิ่มเงินรางวัล นอกเหนือจากแผนรายได้หลักให้กับนักธุรกิจแอมเวย์ทุกระดับ เช่น เมื่อเข้ามาเป็นสมาชิกนักธุรกิจแอมเวย์ขายผลิตภัณฑ์ได้ครั้งแรก รับเงินรางวัล 10% โดยทุก ๆ การเติบโตจะมีรายได้เพิ่มขึ้น 10%โปรแกรมนี้จะมี 3 จุดเด่น ได้แก่

1.ช่วยให้นักธุรกิจรายใหม่สามารถเริ่มต้นธุรกิจได้ง่ายและเร็วขึ้น

2.ช่วยให้นักธุรกิจในช่วงสร้างธุรกิจได้รับเพิ่มทั้งเงินรางวัล และลำดับขั้นความสำเร็จเร็วขึ้น

3.ช่วยให้นักธุรกิจระดับผู้นำสามารถทำรายได้อย่างต่อเนื่อง โดยแอมเวย์ ประเทศไทย จะเป็นประเทศแรกที่เริ่มใช้โปรแกรมคอร์พลัส ตามด้วยประเทศอินเดีย ไต้หวัน และฮ่องกง พร้อมเปิดให้ใช้บริการในวันที่ 1 กันยายน 2562 นี้

Q : การรับมือกับดิจิทัลดิสรัปชั่น

ในการรองรับการเติบโตของยุคดิจิทัลที่กำลังมาแรง แอมเวย์ยังได้เตรียมงบฯ 100 ล้านบาท เพื่อพัฒนาเครื่องมือดิจิทัลให้ครอบคลุม ได้แก่ เว็บไซต์ และระบบหลังบ้านทั้งหมด เพื่อเติมเต็มเครื่องมือออนไลน์ให้กับนักธุรกิจ ควบคู่ไปกับการทำตลาดผ่านโซเชียลมีเดีย เพื่อกระตุ้นยอดขายได้มากขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีการทำวิจัยพฤติกรรมผู้บริโภค จะเห็นได้ว่าในอดีตผู้คนอยากจะหารายได้พิเศษ ก็มองเรื่องการทำขายตรงเป็นหลักก่อน แต่มายุคนี้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น ทำอะไรก็ง่ายขึ้น เช่น สตาร์ตอัพ หรือเอสเอ็มอี การเป็นเจ้าของธุรกิจตัวเอง อีกทั้งการเข้าสู่โลกดิจิทัลที่อะไร ๆ ก็ง่าย เราจึงต้องปรับตัวเข้าหากลุ่มนี้ เราก็พยายามทำตลาดมากขึ้นเพื่อเข้าถึงคนกลุ่มวัยรุ่นนี้มากขึ้น

ปัจจุบันแอมเวย์มีนักธุรกิจเป็นคนรุ่นใหม่คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของนักธุรกิจแอมเวย์ทั้งหมด ปัจจุบันนักธุรกิจแอมเวย์มีตัวแทนจำหน่ายประมาณ 330,000 ราย และสมาชิกผู้ใช้สินค้าแอมเวย์ 720,000 ราย จากปัจจุบันที่มีกลุ่มนักธุรกิจวัย 35 ปีขึ้นไป ประมาณ 55-60% และกลุ่มคนรุ่นใหม่ประมาณ 35-40%

Q : เป้าหมายจากนี้ไป


จากการลงทุนครั้งใหญ่นี้ แอมเวย์เชื่อมั่นว่าจะครองความเป็นผู้นำในตลาดขายตรงที่รับมือกับโลกอนาคตดิจิทัลได้ เพราะแอมเวย์มีจุดเด่นที่เป็นธุรกิจ hi-tech และ hi-touch ด้วยความทันสมัยของเครื่องมือดิจิทัล จึงทำให้สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ได้อย่างครอบคลุมทั่วประเทศ โดยแอมเวย์ตั้งเป้าการเติบโตหรือมียอดขายแตะ 3 หมื่นล้านบาทภายในปี 2568