“ไมเนอร์” บุกร้านอาหารไซซ์เล็ก เจาะปั๊ม-รถไฟฟ้ารับไลฟ์สไตล์คนกรุง

ธุรกิจร้านอาหาร 4 แสนล้านแข่งเดือด แบรนด์ไทย-เทศแห่บุกตลาด “ไมเนอร์ฟู้ด” เร่งเครื่องพัฒนาเมนู-นวัตกรรม เพิ่มช่องทางขายดีลิเวอรี่ ชูโปรโมชั่นลดราคา ซื้อ 1 แถม 1 ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ปูพรมร้านไซซ์เล็ก เจาะโลเกชั่นรถไฟฟ้า ร้านสะดวกซื้อ ปั๊มน้ำมัน พร้อมสปีดสาขาร้าน “ริเวอร์ไซด์” ในจีน ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 10%

ร้านอาหารนับเป็นธุรกิจที่ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่นิยมรับประทานอาหารนอกบ้านมากขึ้น ประกอบกับการขยายตัวของค้าปลีกขนาดใหญ่ ทำให้ร้านอาหารเพิ่มจำนวนขึ้น สร้างทางเลือกใหม่ ๆ ให้แก่ผู้บริโภค แต่ในขณะเดียวกันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ร้านอาหารกำลังเผชิญกับการแข่งขันที่สูงขึ้น จากผู้เล่นรายใหม่ ๆ ที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง แถมยังต้องเผชิญกับโจทย์ใหญ่อย่าง “ปัญหาเศรษฐกิจ” ที่มาฉุดกำลังซื้อของผู้บริโภค ทำให้ครึ่งปีแรกที่ผ่านมา แต่ละแบรนด์ต่างงัดกลยุทธ์แบบจัดหนัก ทั้งออกเมนูใหม่ เพิ่มความถี่การจัดโปรโมชั่น เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ เช่นเดียวกับยักษ์ใหญ่อย่าง “ไมเนอร์ฟู้ด” ที่พยายามแก้โจทย์นี้ให้ได้

ศก.ฉุดร้านอาหาร 4 แสน ล.

นางสาวจุฑาทิพย์ อดุลพันธุ์ รองประธานฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจร้านอาหารภายใต้แบรนด์เดอะพิซซ่า คอมปะนี สเวนเซ่นส์ ซิซซ์เล่อร์ แดรี่ควีน เบอร์เกอร์คิง เดอะคอฟฟี่คลับ และไทยเอ็กซ์เพรส กล่าวว่า ปัจจุบันภาพรวมตลาดร้านอาหารที่มีมูลค่า 4 แสนล้านบาท ยังคงสามารถเติบโตได้ แต่ไม่หวือหวาเมื่อเทียบกับช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจยังชะลอตัว ส่งผลต่อการจับจ่ายของผู้บริโภค รวมถึงยังต้องรับมือกับการแข่งขันจากการเข้ามาของแบรนด์ใหม่ ๆ ทั้งในและต่างประเทศ ส่งผลให้ธุรกิจร้านอาหารในไทยต้องเร่งปรับตัว โดยหันมารุกตลาดออนไลน์และออฟไลน์ควบคู่กันไป เพื่อรองรับการแข่งขันที่สูงขึ้น

ทั้งนี้ ไตรมาส 2 ปีนี้ บริษัทมียอดขายโดยรวมทุกสาขาเติบโต 3.8% จากช่วงเดียวกันปีก่อน จากการขยายสาขาในประเทศไทยและจีนเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่ยอดขายร้านเดิมก็ลดลง 3.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยกลุ่มร้านอาหารในไทยโต 0.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เพราะบริษัทขยายสาขาลดลง และยอดขายต่อร้านเดิมก็ชะลอตัวลงด้วย เนื่องจากผู้บริโภคชะลอการใช้จ่ายลง โดยเฉพาะกำลังซื้อจากต่างจังหวัด ทำให้ช่วงไตรมาส 2 บริษัทจัดโปรโมชั่นและออกสินค้าใหม่ต่อเนื่อง เช่น ซิซซ์เล่อร์จัดโปรโมชั่นสลัดบาร์ 139 บาท มีแคมเปญพิซซ่าคุ้มเซตของเดอะ พิซซ่า คอมปะนี เป็นต้น ทำให้ยอดขายต่อร้านเดิมดีขึ้น

“ครึ่งปีแรกนี้ (ม.ค-มิ.ย. 62) กลุ่มร้านอาหารเครือไมเนอร์มีรายได้รวม 12,233 ล้านบาท โต 3% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งหลัก ๆ มาจากการขยายสาขาทั้งในไทยและต่างประเทศ ขณะที่ยอดขายต่อร้านเดิมลดลง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกที่ชะลอตัว ส่งผลให้อัตราการบริโภคลดลง”

เพิ่มเมนูใหม่ จัดโปรฯแรง

ขณะเดียวกัน แผนการดำเนินธุรกิจจากนี้ไปยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาเมนู นวัตกรรมใหม่ ๆ ให้น่าสนใจและเป็นที่ต้องการของตลาด และสิ่งสำคัญ คือ ควบคุมคุณภาพอาหารและวัตถุดิบ ต้องสามารถตรวจสอบแหล่งที่มาได้ ควบคู่ไปกับการจัดแคมเปญ โปรโมชั่นราคาคุ้มค่า เช่น ซื้อ 1 แถม 1 ให้สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคให้มากที่สุด รวมถึงเดินหน้าขยายสาขาของแบรนด์ เดอะพิซซ่า คอมปะนี แดรี่ควีน เดอะคอฟฟี่คลับ ในรูปแบบไซซ์เล็กมากขึ้น ซึ่งจะเลือกโลเกชั่นใหม่ ๆ เช่น ที่พักอาศัย สำนักงาน ร้านสะดวกซื้อ สถานีรถไฟฟ้า และปั๊มน้ำมัน ให้สอดรับกับพฤติกรรมและความต้องการของคนรุ่นใหม่ที่เน้นสะดวกรวดเร็วมากขึ้น โดยตั้งเป้าหมายว่าภายใน 5 ปีจากนี้ ร้านในเครือไมเนอร์จะมี 4,400 สาขา

ขณะเดียวกันยังเตรียมงบฯไว้สำหรับรีโนเวตสาขาเดิมของทุก ๆ แบรนด์ที่เปิดมานาน เนื่องจากจะต้องปรับปรุงตกแต่งร้านให้มีภาพลักษณ์ทันสมัย เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ หรือบางร้านอาจต้องย้ายไปในพื้นที่ที่มีทราฟฟิกมากขึ้น

นอกจากนี้ยังต้องเน้นการทำตลาดผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล โดยที่ผ่านมาได้เปิดตัวแอปพลิเคชั่น “1112 ดีลิเวอรี่” เพื่อขยายช่องทางจำหน่ายอาหาร และเครื่องดื่มจากแบรนด์ในเครือ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง โดยรายได้หลักจากดีลิเวอรี่ 30% ยังมาจากแบรนด์เดอะพิซซ่า คอมปะนี ขณะนี้ได้นำร่องให้บริการจัดส่งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล หลังจากนี้จะทยอยให้บริการครอบคลุมทั่วประเทศ

นางสาวจุฑาทิพย์กล่าวต่อว่า เทรนด์การบริโภคอาหารและเครื่องดื่มของคนรุ่นใหม่ในยุคดิจิทัลเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยลูกค้าจะเลือกแบรนด์ที่มีผลิตภัณฑ์ตรงตามความต้องการของตนเอง และยังมองหาผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในกระแสที่กำลังมาแรงในช่วงนั้น ๆ ซึ่งหากผลิตภัณฑ์ไหนมีเอกลักษณ์น่าดึงดูด เหมาะกับการแชร์ลงบนโซเชียลมีเดียก็จะได้รับความสนใจมากขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็ต้องเป็นแบรนด์ที่เข้าถึงได้ง่าย ผลิตภัณฑ์มีความหลากหลาย ตอบโจทย์ทุกความต้องการได้ครบภายในที่เดียว

รุกขยาย “ริเวอร์ไซด์” ในจีน

สำหรับตลาดต่างประเทศ ปัจจุบันมีร้านอาหาร 769 สาขา ใน 26 ประเทศ ครอบคลุมทั่วทวีปเอเชีย โอเชียเนีย ยุโรป และแคนาดา โดยประเทศที่มีอัตราการเติบโตที่ดี คือ จีน จากแบรนด์ร้านอาหารริเวอร์ไซด์ โดยปัจจุบันมี 55 สาขา ซึ่งแนวโน้มการบริโภคในจีนโตขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ปัจจุบันร้านอาหารในจีนกระจุกตัวอยู่เฉพาะเมืองใหญ่ ๆ อย่าง เซี่ยงไฮ้ และปักกิ่งเท่านั้น จึงมีช่องว่างในการเปิดสาขาใหม่อีกมาก โดยบริษัทมีแผนจะเดินหน้าขยายสาขา “ริเวอร์ไซด์” ต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมาย ริเวอร์ไซด์ จะเติบโตในจีนกว่า 10% ในทุก ๆ ปี

“ยอดขายร้านริเวอร์ไซด์โตขึ้นต่อเนื่องจากการขยายสาขา อีกทั้งยอดขายต่อสาขาเดิมก็โตขึ้นด้วย เนื่องจากรุกขยายสาขาในเมืองหลัก และยังเปิดตัวร้านค้า 3 รูปแบบ เพื่อเจาะลูกค้าแต่ละกลุ่มเป้าหมาย”

ส่วนตลาดในประเทศซีแอลเอ็มวี ได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนามถือว่าเป็นอีกหนึ่งตลาดที่เติบโตต่อเนื่อง โดยมีจำนวนสาขาเพิ่มขึ้นกว่า 20% ต่อปี ซึ่งหลัก ๆ มาจากแบรนด์เดอะพิซซ่า คอมปะนี สเวนเซ่นส์ ไทยเอ็กซ์เพรส เบอร์เกอร์คิง และเดอะคอฟฟี่ คลับ

อย่างไรก็ตาม ปีนี้ไมเนอร์ ฟู้ด ตั้งเป้าหมายว่าจะเติบโต 10% จากปีก่อน โดยเชื่อมั่นว่าการเดินหน้าขยายสาขา เพื่อเพิ่มฐานลูกค้า และการรุกดีลิเวอรี่ จะทำให้รายได้เติบโตขึ้น และรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดร้านอาหารได้อย่างต่อเนื่อง

สำหรับไตรมาส 2 ปีนี้ มีร้านอาหาร 2,268 สาขา แบ่งเป็นสาขาลงทุนเอง 1,139 สาขา และแฟรนไชส์ 1,129 สาขา